ปอมเป็นรุ่นน้องผมที่เรียน ปวส.ที่ราชมงคลเทคนิคกรุงเทพด้วยกัน แต่เราห่างกันหลายปีอีกอยู่พอสมควร ได้มีโอกาสร่วมงานกับน้องปอม 2-3 ครั้งตอนที่เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาอีคอมเมริ์สด้วยกัน ผมมอบหมายให้น้องสอนเรื่องเกี่ยวกับการทำ SEO ซึ่งก็เข้าทางน้องเลยหละครับ

ประวัติน้องน่าสนใจและน่าติดตามมากครับ เพราะนอกจากเขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO การเขียนโปรแกรม การซ่อมคอม ฯ เขายังชอบที่จะทำอาหาร และนี่ก็เป็นที่มาของธุรกิจของเขาหลังจากที่ต้องโดน “บีบ” ให้ออกจากบริษัท

เหตุผลกลใดที่ต้องออกจากกงาน ชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง อยากให้เพื่อน ๆ อ่านและติดตามดูนะครับ ท่านจะได้ทั้งกำลังใจ แง่คิด ตลอดจนแนวทางในการ “ทำงาน” การวางแผนที่จะทำ “ธุรกิจ” ตลอดจน เคล็ดลับการมันใจลูกค้าในลักษณะธุรกิจอาหาร

มาติดตามเรื่องราวของน้องชายผมคนนี้ได้เลยครับ…..

 

มาทำความรู้จัก “พ่อครัว” Street Food กันครับ

สวัสดีครับ ผม ปอม ชวฤทธิ์ ยอดมงคล ปัจจุบัน ทำร้านอาหาร Street Food ข้าวผัดปู-ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่-กระเพาะปลา

 

ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้

ตอนเด็กๆผมไม่ได้อยู่กับครอบครัวหรอกครับ พ่อกับแม่แยกทางตั้งแต่ผมเล็กๆ ผมก็โตมากับยายและญาติๆมากกว่าจนแม่ผมได้เข้ามาทำงานที่สมุทรปราการเขาก็ได้รับผมมาอยู่เพื่อให้ผมได้เรียนหนังสือ ก็เลยเลือกเรียนสายอาชีวะเพราะว่าอยากเรียนจบแล้วมีงานทำเร็วๆ พอเรียนสูงขึ้นก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากขึ้นผมก็ต้องหางานทำไปด้วยเรียนไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่เป็นวัยรุ่นเต็มตัวค่อนไปทางผู้ใหญ่แล้ว ตอนนั้นเรียน ปวส ที่ราชมงคลฯเทคนิคกรุงเทพฯครับ เรียนสาขาวิชาเทคนิคคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นกระแสคอมพิวเตอร์บูมมากๆ ผมก็ไปทำงานเป็นช่างซ่อมคอมฯที่พันทิพย์ ทำงานจนบางทีไม่ได้มาเรียนเลยก็มี เกือบไม่จบ แต่ก็ต้องทำเพราะว่าต้องหาค่าเทอมเรียนเอง พอเรียนจบเพื่อนๆก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อ แต่ผมก็หยุดไว้ตรงนั้นก่อนและออกมาทำงานเต็มตัว

 

แต่ยังดีที่ผมมีวิชาชีพติดตัว ก็เลยได้มีโอกาสได้ทำงานดีๆ ทำงานออฟฟิศเป็นพนักงาน IT Supports

เงินเดือนเริ่มแรกจำได้เลยตอนนั้นแค่ 7500 บาทเองไต่เต้าจนมาเป็นซีเนียร์ และในที่สุดตำแหน่งสุดท้ายก็ได้เป็น ผจก แผนกเงินเดือนสุดท้ายที่ได้รับก็ประมาณ 3หมื่นกว่าบาทนับว่าเร็วมากกับอายุงานสิบปีนิดๆ

มาช่วงหลังบริษัทที่ผมทำงานอยู่ก็เริ่มมีปัญหา ปัญหาที่มาจากฝ่ายบริหารจัดการ ดำเนินการผิดพลาด มีการจ้างออก จริงๆแล้วผมไม่โดนจ้างออกหรอกครับ แต่ลูกน้องโดนไปสามคน เหลือให้ทำงานอยู่กับผมแค่คนเดียว ช่วงนั้นผมโดนลดเงินเดือนด้วย เพื่อประคองบริษัท ผมก็มาคิดว่า เฮ้ย ที่บริษัทเป็นแบบนี้มันก็ไม่ใช่การทำงานผิดพลาดของพนักงานเลยนะ ผู้ใหญ่ ผู้บริหารทำผิดแท้ๆแต่ก็อย่างว่าล่ะครับ เขาเป็นเจ้าของกิจการจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างยังไงมันก็คงเป็นเรื่องของเขา

ผมก็เลยมาคิดว่า “ตอนเรียนจบอยากทำงานมีเงินเดือน พอทำงานได้ก็เริ่มไม่มองเงินเดือนแต่อยากมีกิจการแทน” ก็เลยลาออก ด้วยตำแหน่งงานที่ถือว่าดีมากทำงานเป็น ผจก.ฝ่ายไอทีบริษัทเอกชน

ผมฝากถึงเพื่อน ๆ มนุษย์เงินเดือนนะครับ เราไม่ทราบหรอกครับว่าวันหนึ่งเราจะตกเป็น “แพะ” ที่ทางเจ้าของกิจการเขาต้องนำ “บูชา” ให้กับความผิดพลาดที่เขาลงมือทำไป หรือ เป็นเพราะพิษเศรษฐกิจอะไรก็ตาม วันหนึ่งหากธุรกิจเขามีปัญหาสิ่งที่เขาต้องทำคือการ “ตัดค่าใช้จ่าย” นั่นหมายความว่าเราเองก็มีโอกาสถูกบีบให้ออก เชิญให้ออกด้วยวิธีการต่าง ๆ ถามว่าเขาทำอย่างนั้นผิดไหม ผมก็ไม่ทราบนะ แต่คุณลองคิดกันเองละกันว่าหากคนเป็นเจ้าของกิจการหากเข้าตาจน เงินไม่มีคุณจะทำอย่างไร ?

ช่องทางที่ดีที่สุดหากผมจะแนะนำเพื่อน ๆ ได้ก็คือ “หาทางเลือก” เพิ่มไว้ครับ ทำกิจการเล็กๆ อะไรก็ได้ของตัวเอง เดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ต มือถือมันอยู่กับเราตั้งแต่เราเริ่มเปิดตาตื่นขึ้นมาจนเราหลับตานอนลงไป แทบจะ 24 ชั่วโมง ขายอะไรได้ขาย ทำอะไรได้ทำ ค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ไปครับ อาจจะผิดพลาดบ้าง กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่เราก็ได้ประสบการณ์นะครับ

ดีกว่าเราต้อง “ขาดทุน” ไปทั้งชีวิตเพราะไม่ได้ “คิด” และ “ลงมือทำ” อะไรเลย…

 

จากมนุษย์เงินเดือน สู่เจ้าของกิจการหาเช้ากินค่ำ

 

ได้เงินจากการลาออกมาก้อนหนึ่งมาเปิดร้านซ่อมคอมฯแถวบ้านก่อน จังหวะมาเปิดร้านตอนที่ร้านมันเยอะไปแล้ว เขายึดหัวหาดไปหมดแล้ว เรื่องกำไรไม่ต้องพูดถึง มันน้อยลงมากๆ จนสุดท้ายผมก็ต้องปิดร้านไป ก้าวแรกที่ออกมาเป็นเถ้าแก่ ก็แย่เสียแล้วครับ ชำนาญคอมฯนะ แต่ไม่ชำนาญธุรกิจสุดท้ายปิดจบเห่กันพอดี

นี่หนะหรือที่ใคร ๆ เขาพูดกันว่า “ทำในสิ่งที่รัก” ยังไงก็รุ่ง ผมก็เห็นด้วยนะ แต่เห็นด้วยแค่ครึ่งเดียว อาจไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำไป ถามว่าทำไม ก็เพราะว่า “สิ่งที่เรารัก” นั้นหากมันไม่ตอบโจทย์ และเราไม่สามารถนำ “ศาสตร์” ทางด้านอื่นเข้ามาช่วยยังไงมันก็ไม่เกิด ผมชำนาญคอมฯ รักคอมฯ แต่ขาดทักษะด้าน “การขาย” สุดท้ายก็ตาย เห็นไหมครับว่า “สิ่งที่รัก” อย่างเดียวมันไม่พอ…. คิดถึงพี่เสือเลย 555 “คำว่ารัก…คงยังไม่พอ”สิ่งที่ได้มามันก็คือ

 

คราวนี้หลังจากเรื่องคอมฯ แล้วผมเองก็ยังชอบเรื่องของการ “ทำอาหาร” อีกด้วย บวกกับตัวเองเป็นคนชอบดื่มชอบกินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยหันมาเปิดร้านอาหารแต่ก็เลือกเป็นร้านที่ไม่ใหญ่มากออกแนวข้างทาง ถ้าจะให้ดูดีหน่อยก็เรียกว่า “Street Food”  ทำแบบว่าเป็นร้านที่เมนูไม่เยอะ เลยมาจบที่ร้านเมี่ยงปลาเผา ทะเลเผา ทีนี้ผมได้เจอของจริงเลย รายได้เข้ามาเยอะมากแต่ปัญหาก็ตามมามากด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกน้องพนักงาน เรื่องสถานที่ แต่ผมก็ตั้งใจทำมาเรื่องๆ ทำจนได้ไปออกให้สัมภาษณ์รายการทีวี ช่วงนั้นกระแสร้านเมี่ยงปลาเผามาแรงจริงๆขายดีจนคิดอยากจะเพิ่มสาขาแต่ปัญหาเดิมๆก็ตามมา ร้านใหญ่มันทำคนเดียวไม่ได้มันต้องเลียงลูกน้องเลี้ยงพนักงาน แล้วพอคนเยอะเรื่องก็เยอะตาม

แต่ที่สุดๆนั่นก็คือเจ้าของที่ไม่ต่อสัญญาเช่า ก็เลยมาตั้งหลักใหม่ก่อน ช่วงนั้นก็ยังมีเงินเก็บอยู่ เลยลงทุนเพิ่มไปขายกุ้งอบวุ้นเส้นตามตลาดนัดก็ขายดีอีกเลยเพิ่มเมนูข้าวผัดปูเข้ามา ก็ขายดีอีก จังหวะที่ไปส่งแฟนทำงานตอนเช้าเห็นร้านทองแถวๆบ้านติดป้ายให้เช่าหน้าร้าน ผมนี่รีบไปวางมัดจำก่อนเลยเพราะใกล้บ้าน คนเยอะ กะว่าไม่ขายแล้วโว้ตลาดนัด กลับไปทำร้านเหมือนเดิมดีกว่า แต่นั้นคือจุดที่เปลี่ยนความคิดเรื่องทำธุรกิจของผมเลย

ผมเช่าที่ตรงนั้นขายอาหารเต็มรูปแบบ ข้าวผัดปู กระเพาะปลา ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ กุ้งอบวุ้นเส้น แต่รายได้กลับไม่ดีเลย หักต้นทุนแล้วเหลือกำไรอีกนิดหน่อย พอใช้แต่ไม่พอเก็บ ถามลูกค้าว่าอาหารของเราอร่อยไหมเขาก้ว่าอร่อยนะ แต่กลับขายไม่ดี ลูกค้าก็งงว่า เฮ้ย อร่อยแบบนี้ขายไม่ดีได้ไง

เขาก็ให้กำลังใจว่า “สู้ๆ ของอร่อยซะอย่างอยู่ที่ไหนคนก็ตามไปกิน” เชื่อไหมครับว่าคำๆนี้โคตรสวยงามแต่โคตรผิดเลย ผิดยังไง?? ก็คือว่า “ถ้าเราถามผู้บริโภคเราก็จะได้แนวคิดจากผู้บริโภค”  แต่นี่เราทำธุรกิจเราก็ต้องใช้แนวคิดจากการทำธุรกิจ ผมก็เลยไปคุยกับพี่ชายที่ผมรักและนับถือ เขาทำธุรกิจร้านสกรีนเสื้อร้านใหญ่แถวศรีนครินทร์ เขาก็บอเลยว่า

“ธุรกิจอาหารแบบมึง ทำเลสำคัญที่สุดมึงเชื่อกู” ผมก็เลยสวนไปว่า “แต่ของผมอร่อยนะพี่ ลูกค้ายังบอกเลยว่าอร่อยกว่าร้านดังๆเยอะ” พี่เขาก็เลยถามกลับมาว่า “แล้วมึงดังแบบร้านเขาหรือยังล่ะ มึงเป็นใครเขาเป็นใคร มึงไม่ใช่เชฟเอียนนะโว้ยที่ต่อให้เปิดร้านบนยอดดอยก็ยังมีเศรษฐีนั่ง ฮ.ไปแดก” 

“มึงไม่เคยสงสัยบ้างเหรอว่าบางร้านแม่งหมาไม่แดกแต่ทำไมคนเยอะจัง นั่นก็เพราะเขามี 2ดี ทำเลดี ชื่อเสียงดี ส่วนเรื่องรสชาติดีนี่เอาไว้เสริมตัวนี้จะเป็นตัวที่ทำให้คนกลับมากินที่ร้านเราซ้ำอีก” หลังจากได้รับคำแนะนำผมก็เริ่มมองหาทำเลใหม่ แล้วก็มาจบลงที่ร้านปัจุบันนี้แหละครับ ขายดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย

 

คิดแบบอาม่า เป็นที่มาของข้าวผัดปู ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

ที่เลือกธุรกิจนี้เพราะว่าไม่อยากทำร้านอาหารตามสั่ง ที่มีหลายๆเมนูแต่ไม่อร่อยสักอย่าง ผมเคยอ่านเจอในเว็บๆหนึ่งมีคนเล่าให้ฟังว่า “อาม่ามาจากเมืองจีน มีวิชาติดตัวคือการทำเต้าเจี้ยวเพียงอย่างเดียวแล้วทำได้อร่อยมาก ทุกวันนี้เปิดเป็นโรงงานผลิตรายได้ดีด้วย” ผมก็เลยเก็ทไอเดียว่าน่าจะทำเป็นเมนูที่คนเข้าถึงง่าย กินง่าย ราคาไม่สูง ใช้วัตถุดิบดี รสชาติถูกปาก ก่อนจะเปิดร้านผมนี่ตระเวนกินข้าวผัดปูที่ว่าดังๆมาหลายร้านมากๆ แต่ละร้านก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ก็จดจำแล้วเอามาพัฒนาจนเป็นรสชาติและสูตรเฉพาะของที่ร้าน ส่วนเงินทุนนั้นก็เก็บสะสมมาตั้งแต่ทำร้านปลาเผานั่นแหละครับ

หลายคนคิดมาก กว่าจะได้ตั้งต้นทำอะไรสักอย่าง มันต้องแปลก มันต้องใหม่ มันต้องยิ่งใหญ่ ใครเลียนแบบไม่ได้ ถามผมว่าอย่างนั้นมันโอเคไหม ตอบคือ ได้ก็ดี แต่สิ่งที่เราไม่เคยเห็นก็คือกว่าที่คนพวกนี้เขาจะสร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ พวกเขาได้มีประสบการณ์จากธุรกิจแบบเดิม ๆ มาแล้วมากน้อยขนาดไหน

อย่างผมเองใครอาจจะมองว่า เฮ่ย !! ขายข้าวผัดปูมันก็ธรรมดา มีทั่วไปเลย (บางคนอยากทำธุรกิจแบบเท่ ๆ) ผมก็ไม่เถียงนะครับ แต่รู้ไหมข้าวผัดปูและก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ของผมก็มีสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นก็คือ “ซอส” ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของผมเองนะครับ

นี่ไง !!! การสร้างความแตกต่าง บนพื้นฐานของสิ่งเดิมที่มีอยู่ จะทำธุรกิจอย่าไปคิดเยอะครับ ลองทำสิ่งที่คนอื่นทำทั่วไปนี่แหละ เมื่อทำไปสักระยะเราจะเห็นช่องทางที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ เท่านี้พอแล้วครับ อย่าเพิ่งไปคิดไกลถึงดาวอังคาร เอาแค่เรื่องหน้าบ้านก็พอแล้ว

 

เลือกทำเลผิด คิดจนตัวตาย

ช่วงเปิดร้านปัญหาเริ่มแรกเลยคือเรื่องทำเล ตอนแรกผมเปิดร้านในซอยแถวบ้านยอดขายวันนึงๆนั้นไม่ถึงพันบาท เกือบท้อไปแล้วจะเลิกอยู่เหมือนกัน เมื่อเราเห็นว่าทำเลไม่ดี แต่อาหารเราอร่อย เรื่องอะไรหละที่เราจะเลิก ผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

หาทำเลใหม่ที่อยู่ในแหล่งชุมชน ผู้คนพลุกพล่าน ดังคำโปราณที่เขาว่า “ทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” พอได้ทำเลใหม่ บวกกับรสชาติอาหารที่อร่อยคราวนี้ยอดพึ่งกระจายเลยครับ

 

รสชาติอาหารจะเป็นการ “โฆษณาแบบปากต่อปาก”

ทำเลดี รสชาติอาหารอร่อย มันจะทำให้ร้านเราได้รับการบอกต่อเข้าถึงลูกค้าเองไปโดยอัตโนมัติ อย่างร้านผมขายแค่ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ซึ่งเป็นสูตรของผมเองลูกค้าติด ทั้งมาทานที่ร้านและใส่กล่องห่อกลับบ้าน

ข้าวผัดปูเม็ดข้าวไม่แข็งไม่แฉะ น้ำมันไม่เยิ้ม ใส่ปูเยอะ (ไม่ใช่วิญญาณปูนะ) ใครทานก็บอกว่าอร่อย

การเข้าถึงลูกค้าเกี่ยวกับธุรกิจอาหาร ผมว่าเรื่องรสชาตินี่แหละเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ครับ ความอร่อย มาคู่กับเรื่องของบริการที่ดี ยังไงลูกค้าก็ช่วยเราบอกต่ออย่างแน่นอน

 

ข้าวผัดปูคุณนก หอม อร่อย ใครลองทานต้องติดใจ

 

ข้าวผัดปูของเราเนี่ย เราผัดให้มันเข้าถึงศาสตร์ของการผัดข้าวผัดสไตล์จีนเลย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การเริ่มหุงข้าวให้ข้าวนุ่มเรียงเม็ดสวยไม่แฉะไม่แข็ง การใช้กระทะเหล็ก การผัดด้วยไฟที่แรง ใช้เทคนิคการสะบัดกระทะเพื่อให้ข้าวทุกเม็ดโดนความร้อน ข้าวผัดปูทุกจานของที่ร้านจะหอมกระทะมากๆ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ผู้บริโภคจะหาทานได้จากภัตตาคารเท่านั้น แต่เรายกภัตตาคารมาไว้ริมทางในราคาที่เป็นมิตร

ต้องบอกว่าผม “ใส่ใจ” กับทุกรายละเอียดของอาหาร ถ้านั่งนับเม็ดข้าวได้ผมจะทำ 555 อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองทานกันครับ

 

ปอม คิดว่าอะไรทำให้ “ข้าวผัดปู คุณนก” เป็นที่รู้จักมาขนาดนี้

วัตถุดิบดี รสชาติดี ราคาเป็นมิตรครับ อย่างที่ผมบอก คือ ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหาร ปรับปรุงรสชาติให้เป็นเอกลัษณ์ของเราเอง

อีกประเด็นที่สำคัญมากๆ ไม่แพ้เรื่องรสชาติ และราคา ก็เป็นเรื่องของการบริการครับ แม้เราจะเป็นร้านเล็กๆ ข้างถนนแบบ Street Food ก็ตามแต่ทุกจานเราใส่ “รอยยิ้ม” จากพ่อครัวลงไปทุกจาน ผมยกตัวอย่างเวลาลูกค้ามาสั่งอาหารผมก็จะจัดทำให้ตามคิว จะบอกว่าตอนนี้ผัดข้าวให้กับลูกค้าคนไหนอยู่ ทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ใคร คนที่เขานั่งรอ เข้าแถวรอจะได้รู้ ตอนนี้ถึงคิวเขาแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าคนมาใหม่จะโดนแซงคิวไปหรือเปล่า เรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้ผมเก็บทุกเม็ดครับที่จะทำให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่อร่อยปาก อร่อยใจ อร่อยหู ….

 

ร้านอาหารแบบ Street Food บริหารงานลูกน้องอย่างไร

ลูกน้องที่ร้านแต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกันนะครับ แต่ทุกคนนั้นต้องมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง ขายอาหารเราไม่อยากให้ลูกน้องเครียดเพราะความเครียดมีผลต่อรสชาติของอาหารจริงๆนะครับ ยกตัวอย่างเช่นหยุดเทศกาลเราอาจจะไม่มีให้เพราะว่าการค้าขายนั้นวันหยุดจะไม่ตรงกับชาวบ้านเขาหรอก แต่เราก็จะให้ค่าแรงเพิ่ม อะไรแบบนี้นะครับ

 

คิดอย่างไรกับคำว่า “รากหญ้า Marketing”

ผมว่ามันคือเรื่อง “พื้นฐาน” นะครับ อย่างผมทำอาหารเรื่องพื้นฐานก็ต้องเป็นเรื่องความอร่อย ผมเน้นสไตล์จีนต้นตำหรับ และที่สำคัญไปกว่านั้น คำว่า “รากหญ้า” มันน่าจะหมายถึง “ความพึงพอใจของลูกค้า” เป็นสำคัญครับ

 

วางแผนอนาคตข้าวผัดปูคุณนกไว้อย่างไร

ปีนี้ผมจะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ เปิดโอกาสให้ผูที่สนใจมาร่วมธุรกิจ ตอนนี้ก็มีมาแล้ว 2 สาขาครับ แต่เป็นเพื่อน ๆ กันผมก็ให้สูตรไปแบบกันเอง สำหรับอนาคตผมจะจัดเตรียมบูธ ชุดสำหรับเปิดร้านให้พร้อม ฝึกอบรมให้ท่านพร้อมที่จะออกไปเป็นพ่อครัวแม่ครัว ได้เลยครับ

 

ถ้าเพื่อนจะทำธุรกิจอาหารจะแนะนำอย่างไร

อย่างแรกก็ต้องสำรวจจิตใจตัวเองก่อนว่า ชอบธุรกิจการบริการไหม เพราะธุรกิจร้านอาหารนั้นเน้นบริการเป็นหลัก เราจะเน้นเรื่องพื้นฐานจิตใจก่อนเป็นอย่างแรกเลย ส่วนเรื่องเทคนิคการผัดข้าวหรือการประกอบอาหารนั้นมันฝึกกันได้ หรือถ้าผู้ที่สนใจลงทุนนั้นเก่งในเรื่องการบริหารหน้าที่ในการผัดข้าวคุณก็สามารถจ้างคนมาฝึกกับเราก็ได้ แต่อย่างที่บอกว่าเจ้าของธุรกิจนั้นต้องมีจิตใจที่รักการบริการจริงๆ เพราะเราจะเจอลูกค้าหลายรูปแบบเลยทีเดียว

“การทำธุรกิจไม่ใช่การเล่นพนัน” เราอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสารที่เพียบพร้อม จงเตรียมตัวหาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุดก่อนคิดจะทำอะไร ไม่มีคำว่า “วัดดวง” ในธุรกิจสมัยนี้อีกแล้ว

โปรโมทชั่น หรือ ส่วนลดพิเศษ หากลูกค้าที่ตามอ่านจากเว็บ Taokaemai สนใจธุรกิจหรือสินค้าของท่าน

ลดค่าอาหาร 10% สำหรับคุณลูกค้าที่มาจากเว็บเถ้าแก่ใหม่นะครับ

 

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

เบอร์โทรติดต่อ 092-296-1528

เฟสบุค https://www.facebook.com/KhunnokFriedrice/