น้องกานต์ เป็นกลุ่มนักศึกษา ม.หอการค้า เป็นหนึ่งหลาย ๆ คนที่เป็นแฟนคลับติดตามเว็บไซต์และแฟนเพจแห่งนี้ครับ ในทางกลับกันผมเองก็เป็นแฟนคลับที่แอบติดตามความเคลื่อนไหวน้อง ๆ กลุ่มนี้อยู่ห่าง ๆ ครับ เพราะสนใจในวิธีการเรียนการสอน และการเข้าร่วมกิจกรรมของน้อง ๆ กลุ่มนี้กับทางเว็บไซต์และชมรมของ Taokaemai.com

วันนี้น้องกานต์ขยับธุรกิจตัวเองมาอีกขั้น ด้วยความที่เป็นนักศึกษาหลายคนอาจจะมองว่าเป็น “ข้อจำกัด” ในการทำธุรกิจหาเงินส่งตัวเองเรียน แต่สำหรับผมกลับมองว่านี่คือ “โอกาส” ที่ดีในการเริ่มต้นทำธุรกิจตัวเอง เพราะเป็นช่วงวัยที่ผู้ใหญ่เอ็นดู ต้องการสนับสนุน และส่งเสริมหากเด็กคนไหนมีแวว มีความมุ่งมั่นจริงจัง

น้องกานต์เป็นอีกคนในกลุ่มน้อง ๆ ที่ผมอยากส่งเสริม (ในรูปแบบที่ผมสามารถทำได้) ด้วยการนำเรื่องราวของน้องมาบอกเล่าแบ่งปัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ในวัยเดียวกัน รวมถึงช่วยประชาสัมพันธ์ธุรกิจของน้องให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

รายได้ของธุรกิจ หรือ ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้สำคัญอะไรมากเลยครับ สำหรับคนที่จะมาเป็น “คนต้นแบบ” สำหรับช่องทางแห่งนี้ แต่ “ความพยายาม และ การสู้ชีวิต” ต่างหากคือสิ่งที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้

ต้นทุน รายได้ธุรกิจเป็นแค่ปลายทางที่เราต้องพยายามเดินไปให้ถึง แต่ “ต้นทุนชีวิต” นี้คือสิ่งที่เราทุกคนสามารถเรียนรู้จักพวกเขา

ได้เวลาที่เราจะต้อง “เปลี่ยนมุมมอง” ในการที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้นแล้วครับ “ต้นทุนชีวิตยิ่งต่ำ ความพยายามเรายิ่งต้องสูง” มาเรียนรู้ชีวิตของน้องกานต์ ชายผู้มี “Big Dream” กันครับ

 

มาทำความรู้จักน้องกานต์ กันครับ

สวัสดีครับพี่ ๆ ผม กานต์ นิโครสหเกียรติ์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปี 2 ครับ ทุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่เพื่อสังคม ม.หอการค้าครับ  ผมเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับสมุดเขียนเป้าหมาย สมุดแพลนเนอร์ เล็กๆ ของผมเองด้วยครับ

 

กว่าจะมาเป็น นาย กานต์ ทุกวันนี้ ชีวิตของเด็กชาย กานต์ ในอดีตเป็นอย่างไร

ตั้งแต่เด็กเลยนะครับผมไม่เคยฝันว่าอยากเป็นนักธุรกิจ  ทุกครั้งที่คุณครูตอนประถมให้เขียนรายงานโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมเขียนว่าอยากเป็นนักบินอวกาศ สงสัยคงเป็นเพราะดูหนังมากไป แต่มีพอวันนึงที่ผมกลับบ้านจากโรงเรียนตอนนั้นผมถือถุงไก่ทอดราดน้ำจิ้มเยิ้มๆมากินที่บ้านด้วย พอถึงแล้วไม่ใช่แค่น้ำจิ้มไก่ที่ไหลเยิ้ม น้ำตาผมก็เยิ้มยิ่งกว่าน้ำจิ้มไก่อีกครับ

วันนั้นพ่อกับแม่ผมทะเลาะกันหนักมากเรื่องเงิน เรื่องเดียวเลยครับผมเคยได้ยินใครต่อใครพูดว่า เงินไม่สำคัญ ไม่สำคัญแล้วทำไมถึงทำให้พ่อกับแม่ผมทะเลาะกันได้ ไม่สำคัญบ้าอะไร ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตผมเหมือนอยู่ในสมรภูมิรบ ที่มีคนขว้างระเบิดกันตลอดเวลา แต่เป็นระเบิดคำพูด ผมก็ทำได้แต่ก้มหัวกลัวว่าจะโดนระเบิดเหล่านั้น พร้อมกับมีน้ำตาเล่นเป็นเพื่อนช่วงนั้นผมน่าจะอยู่ประถม3 หรือประถม5 ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว

ผมยังจำความรู้สึกที่มีหมายศาลมาแขวนหน้าบ้านได้อยู่เลย ตอนนั้นครอบครัวผมมืดแปดร้อยด้านจริงๆครับ ทุกคนต่างหน้าดำค่ำเครียดไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่หรือพี่สาว ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ครอบครัวผมไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมโตมากับสภาพแวดล้อมที่เห็นเหล้าบุหรี่การพนันการด่าทอจนชินเหมือนกับดูเรื่องเล่าเช้านี้สมัยนั้น คือทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น หรือมืดค่ำก็เจอหมด

แต่ด้วยความที่โชคดีที่มีคุณป้าสมสุขคอยให้คำสอนผมแทนพ่อและแม่ ท่านพาผมอยู่ในเส้นทางของพระพุทธศาสนา พาผมไปบวชภาคฤดูร้อนถึง 5 ครั้ง และด้วยคำสอนของคุณป้าสมสุข และพระพุทธศาสนา มันสั่งสมหลอมรวมให้ผมไม่ไหวเปต่อสิ่งพวกนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีแอบร้องไห้คนเดียวอยู่บ้าง คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอะไรที่มั่นคงมากๆและผมก็เชื่อโดยไม่ตั้งข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย แต่ปัญหาของผมมันก็ไม่ได้หมดไป ผมยังต้องแก้ปัญหาข้อนี้อยู่ ผมก็คอยหาวิธีแก้ปัญหามาโดยตลอด ครอบครัวเคยมีปัญหาเรื่องเงิน ผมก็คิดว่าต้องมีเงินเยอะๆพ่อแม่จะได้รักกัน อาชีพที่เงินเยอะคือนักธุรกิจ

ผมขอบคุณพ่อและคุณแม่มากที่เลี้ยงผมมาเหมือนให้ห้องเปล่าๆมาหนึ่งห้องเวลาผมชอบอะไรก็ให้หยิบให้หามาใส่เอง ไม่เคยปิดกั้นความฝันผมเลยแม้แต่น้อย ผมเลยยึดมั่นจะเป็นนักธุรกิจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ความฝันและความหวังไม่ใช่กลยุทธ์ในการใช้ชีวิตของผม

อนาคตไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดแต่มันจำเป็นต้องวางแผน ผมเป็นคนนึงที่เชื่อว่าธุรกิจที่ดีที่สุดคือธุรกิจที่เรารักและถนัด ผมบอกได้เลยว่า ผมโคตรรักสิ่งที่ผมทำในตอนนี้

ก่อนได้เรียนที่หอการค้า ผมเคยเรียนอยู่ที่ มหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ตอนแรกเรียนก็คิดว่าเหมือนๆกันแต่เราเข้าไปอินกับสังคมเขาไม่ได้ หอการค้าก็คือความฝันหนึงของผมในวัยเด็กครับ แต่ด้วยครอบครัวที่ไม่อยากให้เข้ามหาลัยเอกชน เพราะเรียนยากและโอกาสโดนรีไทล์ง่าย ก็เลยต้องพับความฝันเก็บไปครับ แต่พอไปเรียนที่มหาลัยรัฐ ปรากฏว่า เรียนไม่ไหวจริงๆ คือเครียดเลยครับ ก็เลยคุยกับครอบครัวอย่างจริงจังว่า ไม่เอาแล้วขอเรียนหอการค้าดีกว่า เพราะความฝันต้องการเป็นนักธุรกิจ หอการค้าคือที่1 เรื่องการค้า สำหรับผม และช่วงเวลา 1ปีที่ลาออกจากที่ มหาลัยรัฐ มันเปลี่ยนชีวิตผมผมได้เจอคนเก่งๆเยอะมาก เช่นพี่เซ่ พี่เกียรติ พี่วิชทาโร่ พี่หมอภู และได้เข้าสังคมกับคนเหล่านั้น ผมว่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ผมสามารถทำให้ผมชิงทุนการศึกษานี้มาได้ด้วยหละครับ

ที่เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เรียนเพราะว่า มีฝันนั้นแหละครับ ฝันอยากจะเอาธุรกิจของตัวเองเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็เสียโอกาสไปหลายปี ผมโชคดีที่มีฝันตั้งแต่เด็ก เวลาเดินมันก็ช่วยให้ไม่หลงทาง แต่ก็มีแวะซ้ายแวะขวาไปบ้างแหละครับตามประสา แต่เมื่อมีความฝัน หรือรู้เป้าหมายอะไรมันก็ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

 

ทำไมต้องมาเริ่มทำ สมุด Planner

ก่อนหน้านี้ผมก็ เรียน เรียน เรียนมาตลอด แต่ก็เคยแอบทำเซิฟเวอร์เกมส์ออนไลน์ตอนอายุประมาณ 15 ก็ได้ความรู้และความสนุกแบบเด็ก ๆ

พอโตขึ้นมาหน่อยก็มาโฟกัสความฝัน “I have a big dream ความฝันผมมันโคตรใหญ่” เป็นเพจเฟสบุ๊คที่ความตั้งใจแรกคือทำไว้เพื่อบันทึกระยะทางระหว่างการเดินทางไปสู่ความฝัน จะคอยบันทึกสิ่งแวดล้อมที่ผมเจอว่าเจอคนแบบไหนบ้าง เจอคำพูดแบบไหนบ้าง  ถ้าลองไปอ่านโพสแรกๆจะเห็นได้ถึงสภาพแวดล้อมที่เจอแต่ผู้คนพูดแย่ๆใส่ ดับความฝันเราบ้าง ดับไฟเราบ้าง ต่อจะเป็นประเภทคอยย้ำให้เรามีกำลังใจมาเรื่อย

จนตอนนี้ก็สุขุมขึ้นเยอะแล้วครับ แต่ความฝันและความหวังไม่ใช่กลยุทธ์ จึงต้องวางแผน ผมใช้เวลาคิดอยู่พักนึงจะทำยังไงให้ชีวิตของผมพัฒนาไปไกลกว่านี้ ช่วงชีวิตตอนนั้นของผมตื้อไปหมดจนกระทั้งมีอยู่วันหนึ่งผมนั่งเล่นเฟสบุ๊คตามปกติ แต่มีสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตผมอีกครั้งเด้งขึ้นมาหน้าฟีต เป็นโพสต์ของ Passion Panner เห็นแล้วเกิดไอเดีย นี่แหละธุรกิจของผมเพราะผมเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่องเขียน สมุด ปากกาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เข้าร้านหนังสือแต่ละทีไม่วายที่ต้องแวะดู คือธุรกิจ Big dream planner สมุดเขียนเป้าหมายและวางแผนความฝัน ตัดสินใจเลือกทำสิ่งนี้เพราะว่าเอาความสุขเป็นหลักครับ

ผมว่าถ้าผมทำplanner ไม่ว่าตื่นนอนหรือก่อนนอนผมจะมีความสุข ขาดทุนหรือกำไรก็จะมีความสุข ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลยครับ

ส่วนเงินทุนในการตั้งต้น ได้มาจากการสนับสนุนการศึกษาของมูลนิธิสิริวัฒนภักดี ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมอบทุนให้มาเริ่มธุรกิจ เนื่องจากผมเป็นเด็กทุนในโครงการที่ทางไทเบฟดูแลอยู่ครับ แต่จะบอกว่ากว่าจะได้มาไม่ง่ายเลยนะครับ ต้องผ่านการพิชชิ่งนำเสนอไอเดียหลายรอบมากๆ ทางอาจารย์ ม.หอการค้าและผู้บริหารของไทเบฟก็ช่วยวางแผน ปรับปรุง แก้ไขแผนธุรกิจของผมด้วย ทางมูลนิธิสิริวัฒนภักดี กับ มหาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้มีพระคุณกับผมมากจริงๆครับ

 

เริ่มทำธุรกิจของตัวเองในวัยเรียน เจอปัญหาอะไรบ้าง

ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอเลย คือเสียงในใจฉัน ผมว่ามันคืออุปสรรคอย่างเดียวเลยที่ผมเจอ บางครั้งที่ผมไม่ชัดเจนใจเป้าหมายของธุรกิจว่าต้องออกสินค้าในรูปแบบไหน หรือยอดขายต้องได้เท่าไหร่ เวลามีคนมาพูดอะไรในทางที่ไม่ดีเราก็เริ่มโลเลและ เอาแบบนี้ดีป่ะวะหรือไปในทางนี้ดี  ไม่ใช่แค่นี้นะครับรวมไปถึงความขี้เกียจ ความไม่มีวินัยของตัวเองอีก

“โอ้ยยยย!!”  แย่ไปกันใหญ่เลยครับถ้าไม่สามารถเอาชนะใจตัวเองไปได้  แต่ผมก็พอมีเคล็ดลับที่จะเอาชนะใจตัวเองอยู่ คือผมจะเลือกกิจกรรมที่ต้องทำทุกวันให้ตายก็ขาดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นผมวางแผนว่าตื่นนอนไม่ว่าจะตื่นกี่โมง ก็ต้องอ่านหนังสือให้ได้15หน้า พอทำแบบนี้ผลลัพธ์คือถ้าเราทำมันได้เราก็มีกำลังใจในการทำสิ่งต่อๆไปในชีวิตเอง

ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ “ปัญหาภายนอก” ต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ ไม่ว่าจากการอ่าน การประสบด้วยตนเอง หรือ แม้แต่กระทั่งพูดคุยกับคนที่ผ่านร้อนมาก่อน จะช่วยให้เราแก้ปัญหานั้นได้ง่ายขึ้น

แต่ “ปัญหาภายใน” อยู่ที่ตัวเราล้วน ๆ เลย คุยกับตัวเองไม่รู้เรื่อง แก้ปัญหาตัวเองไม่ได้ ก็ไม่สามารถที่จะก้าวออกไปแก้ไขปัญหาภายนอกได้ อย่างที่บอกผมโชคดีที่อยู่สายธรรมะมาตลอด จึงเป็นการง่ายที่จะ “คุยกับตัวเองให้จบ” และ “แก้ไขปัญหาภายใน” ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจัง

ฝากเพื่อน ๆ ที่เรียนอยู่นะครับ หลายคนอาจจะเดินตามทางที่พ่อแม่ขีดให้ ถ้ามันไม่ใช่เราจริง ๆ เปิดอกเปิดใจคุยกับพ่อแม่ในสิ่งที่เราอยากทำอยากเป็นนะครับ อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ เพราะเราทำไปเรียนไปก็ไม่มีความสุข ความทุกข์นี้มันไม่ได้อยู่กับเราคนเดียว มันจะส่งผลต่อพ่อแม่เราด้วย เชื่อเถอะพ่อแม่เขาต้องการให้เรามีความสุข หากอะไรที่เขาให้ได้เขาทำให้ครับ เมื่อได้แล้วก็โฟกัสลุยตรงนั้นให้มันดีไปเลย

ส่วนเพื่อน ๆ ที่มาถูกทางแล้วการที่เรา “แน่วแน่” น่าจะเป็นช่องทางที่จะช่วยผลักดันให้เราไปถึงจุดหมายได้เร็วมากยิ่งขึ้น

แม้วันนี้ผมไม่ได้สำเร็จอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดขาย การเรียน แต่สิ่งที่ผมพบกลับเป็น “ความสุข” ที่ผมว่านี่แหละมันคือ “ความสำเร็จ” และมันเป็น “Top of Big Dream” จริงๆ

 

เอาเวลาไหนไปทำธุรกิจ ไปหาลูกค้า

ผมโชคดีที่เลือกธุรกิจที่ตัวเองก็เป็นกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว คือขายเองอยากได้เองอะไรประมาณนี้ เป็นประเภทหาซื้อสินค้าไม่ได้ก็ทำมันออกมาซะเอง ผมเลยพอจะรู้ว่ากลุ่มลูกค้าอยู่ที่ไหนและผมจึงเอาตัวของผมเองเข้าไปคลุกคลีอยู่กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ด้วยความเปิดใจ ไม่ได้เข้าไปเพื่อขายแต่เข้าไปเรียนรู้จากเขา และหลังจากนั้นพอได้คอนแทคได้อีเมล หรือกรุ๊ปเฟสบุ๊ค ง่ายเลยครับยิงโฆษณาคอนเท้นท์ โฆษณาสินค้าไปหาคนเหล่านั้นเลย ด้วยความที่สินค้าของผมจับกลุ่มตลาดนิชมาร์เก็ต ก็เลยต้องเล่นกันแบบนี้แหละเอาแบบเจาะจงตรงๆกันไปเลย 555

 

สินค้าปัจจุบันมีอะไรบ้าง

เป็นสมุดแพลนเนอร์  สมุดตั้งเป้าหมายที่ออกแบบจากบุ๊คแบคเกอร์ แล้วเราก็เอามาจัดเป็น บ็อกเซ็ตที่รวมสิ่งที่ต้องมีสำหรับนักล่าฝันครับ เช่นจดหมายเขียนถึงตัวเองในอนาคต การ์ดความฝัน ปากกาไฮเอ็น หรือกล่องไม้ที่ดีไซน์ให้ใช้ได้หลายรูปแบบจัดอยู่ในเซ็ตเดียว มี3สีให้เพราะกับคนแต่ละประเภท สีดำเหมาะสำหรับคนที่สุขุม ลุ่มลึก สีขาวเหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรเรียบๆง่ายๆเบาๆซอฟๆไรงี้ สีหินอ่อนสีนี้เหมาะกับคนที่เรียบๆแต่โดดเด่นครับ

 

จุดเด่นของ Big Dream Planner คืออะไร

ผมตั้งใจวางธุรกิจของผมให้เด่นในเรื่องของเครือข่าย เพราะว่าคนที่ซื้อไปทุกคนจะมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง จึงจะมีการอัพเดทกันในหมู่ผู้ใช้เรื่อยๆว่าไปถึงไหนแล้ว และในอนาคตก็จะมีการรวมกลุ่มกันในหมู่ของผู้ใช้ เผื่อว่าในอนาคตจะมีโปรเจ็คทูเดอะดรีมร่วมกัน ผมทำทุกอย่างจากใจ และจะพยายามยึดหลักการนี้ในการทำธุรกิจนี้เสมอ นี้คือจุดเด่นของ Big dream Planner ครับ

ก็ต้องยอมรับความจริงครับ ธุรกิจสมุดหรือหนังสือมักถูกมองค่าให้ต่ำกว่าความเป็นจริงแต่ไม่ใช่จะขายไม่ได้ถ้าจับกลุ่มลูกค้าถูกจุด แต่ธุรกิจของ Big dream Planner จะเข้าสู่ยุค4.0แล้วนะครับ 5555 เพราะกำลังมีโปรเจคที่เน้นนวัตกรรมมาพัฒนาชีวิต แต่ยังยึดจุดยืนที่เน้นเครือข่ายเป็นสำคัญที่สุดอยู่ดีครับ ในอนาคตอาจจะได้เห็น Big dream Company สร้างไทม์แมชชีนก็ได้นะครับ 555555

 

อะไรคือกุญแจสู่ความสำเร็จระดับหนึ่งของน้องกานต์

จริงใจครับ อย่างเดียวที่ทำจริงใจ ไม่มีกลยุทธ์ที่สวยหรูมาก เพราะจุดยืนคือการสร้างกลุ่มคนที่คอยทำความฝัน เรื่องกลยุทธ์การตลาด หรือกลยุทธ์การเพิ่มลูกค้า จะอิงจากความจริงใจเป็นหลัก

ถ้าใครที่ได้ทำงานกับผมก็จะทราบว่า ผมไม่ได้มองเขาเป็นลูกน้อง ผมมองเขาเป็นผู้ร่วมงานที่คอยจะช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ สร้างให้เขาเป็นผู้นำ มองเขาเป็นคนไม่มองเขาเป็นวัตถุสิ่งของ มอบโอกาสมอบพื้นที่ให้คิด เพราะผมคิดว่าความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้จากวิธีนี้เท่านั้นครับ

 

แนวคิดพื้นฐาน “รากหญ้า” ในการสร้างชีวิตสร้างธุรกิจ

ผมมองว่าการพัฒนาตนเองครับ ผมเน้นให้ตัวของผมเป็นตัวสื่อสารของแบรนด์ ไปในที่ใหม่ๆเยอะขึ้น ยิ่งคนเห็นหรือรู้จักผมมากขึ้น เขาก็จะรู้จักว่า Big dream planner คืออะไร คือผมขายตัวเองครับ ขายเอกลักษณ์ ลักษณะท่าทาง ลักษณะนิสัย นี่แหละครับการตลาดของผม

 

วางแผนอนาคตไว้อย่างไร

ผมก็ทำตัวเหมือนสื่อครับ พยายามป่าวประกาศว่าการเขียนเป้าหมาย การวางแผนชีวิตสำคัญแค่ไหน และควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือให้คนประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น และยิ่งตอนนี้กำลังพัฒนาให้เป็น 4.0 เอานวัตกรรมเข้ามาในธุรกิจ และสร้างกลุ่มนักฝันให้เป็นสังคมแห่งยุคให้ได้ เปรียบเสมือนกำลังจะสร้าง tomorrow land ในแบบฉบับของ Big dream planner ก็เลยชูสิ่งที่กำลังจะทำเป็นสิ่งที่จะสื่อสารออกไปสู่คนภายนอกครับ

 

หากเพื่อน ๆ สนใจธุรกิจต้องทำอย่างไรบ้าง

ถ้าสนใจธุรกิจแบบผม ผมคิดว่าการสร้างเรื่องราวเฉพาะตัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่านั้นต้องหาลูกค้าให้เจอเข้าไปเกาะกลุ่มพวกเขาให้ได้ แต่ละคนย่อมมีเรื่องราวของตนเองครับผมว่างั้น และก็วางแผนเยอะๆ และลงมือทำจริงๆครับ ต้องเป็นทั้งนักฝันและนักลงมือทำครับ แต่ถ้าสนใจมาร่วมมือในการสร้างอาณาจักรนักฝันก็ทักผมมาในอินบ็อกได้เลยนะครับ “I have a big dream ความฝันผมมันโคตรใหญ่”

 

มีข้อคิดสติเตือนใจตัวเองไหม

อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ อย่างเดียวเลย

ผมคิดและทำอย่างนี้มาตลอด เราไม่สามารถที่จะขุดเพชรเจออย่างแน่นอนหากเรายังมัวขุดอยู่ในบ่อเลี้ยงปลา ขุดไปเท่าไหร่ก็ไม่เจอ หาอยากได้เพชรก็ต้องไปขุดไปหาที่เหมืองเพชร ต้องไปทำการสำรวจอะไรอีกมากมาย

ชีวิตเรามันก็เหมือนกันครับ หากเรายืนอยู่บนความเคยชิน ไม่กล้าทำ กับ ไม่ลองทำ นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากครับ “โอกาส” มันเกิดขึ้นเสมอเมื่อเรา “ลองทำสิ่งใหม่” แน่นอนครับ มันอาจจะได้ผลและไม่ได้ผลครับ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรา “ได้ประสบการณ์” เท่านี้มันก็คุ้มค่าที่สุดแล้วครับสำหรับ “ชีวิต”

 

มีโปรโมทชั่นอะไรให้เพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่บ้าง

ตอนนี้สำหรับ Taokaemaiทุกท่าน ผมมีแคมเปญที่ออกมาสำหรับช่วงนี้โดยเฉพาะ ช่วงที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ ทางBig dream planner มีการให้ร่วมกิจกรรมเพื่อรับBig dream First setฟรี สำหรับท่านที่ร่วมกิจกรรมเลยครับ ลองเข้าไปดูเพจ”I have a big dream ความฝันผมมันโคตรใหญ่” ได้เลยครับ หวังว่าทุกท่านจะสนใจในของฟรีที่ผมลงทุนไปเยอะเหมือนกัน ฝากด้วยนะครับ

 

 

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

กานต์ นิโครสหเกียรติ์

โทร : 0804583434

แฟนเพจ: I have a big dream ความฝันผมมันโคตรใหญ่