ตลาดแสนล้านเครื่องสำอาง ธุรกิจน่าลงทุน

เครื่องสำอางเป็นตลาดที่ใหญ่และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหลายแสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมมูลค่าทั่วโลกหรือภายในประเทศไทยเราก็ตาม

มูลค่าธุรกิจเครื่องสำอางในตลาดโลก

ผลการสำรวจมูลค่าทางการตลาดเครื่องสำอาง รายงานจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ของ ASTV ผู้จัดการออนไลน์  เมื่อวันที่18 เมษายน 2557

กล่าวถึงมูลค่าทางการตลาดของธุรกิจความงามของโลกภายในปี 2017 คาดมูลค่า 2.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 84.8 แสนล้านบาทไทย (ค่าเงิน 32 บาท)  มูลค่าตลาดธุรกิจเครื่องสำอางในเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 17 ในการผลิตเครื่องสำอางของโลก อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 10 ปี (2547-2557) ที่ผ่านมา เฉลี่ย 10-20% ต่อปี

มูลค่าในตลาดโลกกว่า 84.8 แสนล้านบาท ทำให้หลาย ๆ บริษัทแย่งส่วนแบ่งกันการตลาดกันอย่างดุเดือด

แบรนด์เครื่องสำอางที่ครองตลาดโลก ผลการสำรวจ  www.statista.com ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางพบว่า 5 อันดับแรกแบรนด์ที่มียอดขายทั่วโลกสูงสุดในปี 2014 คือ

1.L’oreal  ส่วนแบ่งการตลาด 10,766 ล้านเหรียญสหรัฐ

2.Avon ส่วนแบ่งการตลาด 7,901 ล้านเหรียญสหรัฐ

3.Pantene ส่วนแบ่งการตลาด 6,163 ล้านเหรียญสหรัฐ

4.Nivia  ส่วนแบ่งการตลาด 6,079 ล้านเหรียญสหรัฐ

5.Dove ส่วนแบ่งการตลาด 5,885 ล้านเหรียญสหรัฐ

จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในภาพใหญ่ทั่วโลก มีมูลค่ามหาศาล บริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือ Inter Company มีการจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ดังกล่าวทั่วโลก รวมถึงมีโรงงานฐานการผลิตในแต่ละภูมิภาคเช่นกัน

มูลค่าธุรกิจเครื่องสำอางในตลาดในประเทศไทย

ขอบคุณคลิป www.punsuay.com

รายงานข่าวจาก matichon Online วันที่ 31 ตุลาคม 2556 จากการเปิดตัวงาน Cosmex 2014 ซื่งเป็นงานที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมความงามไทย จับมือชาติพันธมิตรในภูมิภาคทั้ง รัฐ-เอกชน จัดร่วมกันเพื่อช่วยกันผลักดันธุรกิจเครื่องสำอางไทยสู่การเป็น ศูนย์กลาง (Hub) การผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของอาเซียนความงามของโลก

คุณ เกศมณี เลิศกิจจา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่าข้อมูลสรุปแต่ละประเด็นดังนี้

  • มูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางเติบโต 18% ต่อปี นับตั้งแต่ 2551-2556
  • อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าตลาดรวม 1 แสนล้านบาท
  • ตลาดในประเทศ 60 % มูลค่า 2 แสนล้านบาท
  • ตลาดส่งออก 40% มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท
  • คาดว่าในปี 2563 มูลค่าตลาดรวมจะเติบโตกว่าเท่าตัว

สัดส่วนทางการตลาดประเภทเครื่องสำอาง รายงานจาก สยามธุรกิจ ออนไลน์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

  • เครื่องสำอางกลุ่ม สกินแคร์ ดูแล ผิวหน้า ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 45%
  • เครื่องสำอางกลุ่มแฮร์แคร์ ดูแล ศีรษะและเส้นผม ส่วนแบ่งการตลาด 22%
  • เครื่องสำอางกลุ่ม สีสัน เมกอัพ ส่วนแบ่งการตลาด 16%
  • เครื่องสำอางกลุ่ม น้ำหอม ส่วนแบ่งการตลาด 13%
  • เครื่องสำอางกลุ่ม อื่น ๆ 3%

จะรวยในตลาดไหนดีครับ ! ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังมีช่องว่างให้กับทุกท่านเสมอ แม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวแต่ก็ทำเงินให้ท่านได้อย่างแน่นอน

เครื่องสำอางธุรกิจน่าลงทุน 2557

งานวิจัยล่าสุดเมื่อเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจที่น่าลงในปี 2557 รายงานข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ วันที่ 23 ธันวาคม 2556 ธุรกิจน่าลงทุนในปี 2557 ของ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้จัดอันดับ 10 ธุรกิจเด่นปี 2557 พบว่า

  1. ธุรกิจการแพทย์และความงาม
  2. ธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร

3.มี 2 ธุรกิจที่ได้คะแนนเท่ากัน คือธุรกิจสื่อสารโทรทัศน์ และธุรกิจออแกไนซ์

  1. เม็ดพลาสติก
  2. อุปกรณ์เทคโนโลยี
  3. การศึกษา ธุรกิจท่องเที่ยว และเคมีภัณฑ์
  4. ประกันชีวิต
  5. เครื่องดื่ม และ ธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง
  6. อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะแนวดิ่ง ถุงมือยางถุงมือตรวจ
  7. กลุ่มพลังงานและพลังงานทดแทน

เราเริ่มเห็นช่องทางและโอกาสความเป็นไปได้ของตลาดเครื่องสำอางแล้วใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศ ตลาดส่งออก แนวโน้มธุรกิจ โอกาสสดใส น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง

สภาพการแข่งขันในธุรกิจเครื่องสำอาง  โอกาสยังพอมีอยู่ไหม

เมื่อมูลค่าทางการตลาดสูง ทำให้การแข่งขันในตลาดความสวยความงาม เครื่องสำอาง มีการแข่งขันกันสูง แดงทั้งตลาด ไม่ว่าจะเป็นสินค้านำเข้า จากเกาหลี ญี่ปุ่น หรือจากยุโรป เครื่องสำอางเคาร์เตอร์แบรนด์ เครื่องสำอางแบกะดิน ขายตลาดนัด ขายกันออนไลน์

ไม่ต้องกังวลจนครับ เมื่อมีการแข่งขันสูงก็เพราะว่ามีจำนวนลูกค้ามา ความต้องการก็สูง เช่นกัน ความต้องการใช้เครื่องสำอางเป็นกระแสของหนุ่มสาวที่ต้องการที่จะผิวใสหน้าสวยหล่อ ไร้สิว เป็นตลาดที่ไม่มีวันตาย ยังมีช่องว่างและโอกาส ขอเพียงเราเลือกกลุ่มลูกค้าถูกต้อง และนำเครื่องสำอางให้ได้ถูกใจ งานก็จบ

ลองคิดดูเล่น ๆ หากเราเข้าตลาดได้และมีส่วนแบ่งตลาดสัก 0.0001% จะมีมูลค่าเท่าไหร่ !!

1.2 แสนล้านบาทตลาดในประเทศ เท่ากับว่า ยอดขายเราอยู่ที่ 12 ล้านบาท ไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ

พอทราบเหตุผลแล้วใช่ไหมว่าทำไม ใคร ๆ ก็สนใจทำธุรกิจเครื่องสำอาง แล้วพวกเราหละ !

อย่าพลาดขบวนรถไฟฟ้าความรวยสูงขบวนนี้กันนะครับ

รูปแบบการลงทุนขายเครื่องสำอางออนไลน์

1.ส่งในนาม Droship

แบบนี้ลงทุนน้อยเป็นจำนวนเงินน้อย ครับ คุณอาจจะแค่สมัครเป็นตัวแทนของร้านเครื่องสำอางดัง ๆ มีชื่อ บางร้านเก็บค่าสมัคร 500-1000 แต่บางร้านก็ไม่มีค่าสมัคร เพียงแต่คุณซื้อสินค้าชุดแนะนำของทางร้านของเขาหนึ่งชุดก็เป็นการสมัครแล้ว

สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่นำรูปสินค้า ไปประกาศขาย ตามช่องทางต่าง ๆ ที่เรามี เช่น Facebook,Instagram,Webboard ฯ เมื่อมีลูกค้าสนใจ สั่งซื้อโอนเงิน เราก็เพียงแค่ โอนเงินส่วนหลังหักส่วนลดให้กับเจ้าของแบรนด์ ทำการส่งสินค้าให้กับลูกค้าของเราภายใต้ ชื่อผู้จัดส่ง เป็นชื่อของเรา

แบบนี้ลงทุนต่ำ ไม่ต้องสต๊อกเครื่องสำอาง และไม่ต้องเสียเวลาไปส่ง แต่ก็นั่นหละครับ กำไรก็จะน้อยหน่อย ยิ่งถ้าเจอเจ้าของแบรนด์ไม่จริงใจแอบฉกลูกค้าเราไปก็เหนื่อยฟรี

2.นายหน้าโฆษณาเครื่องสำอาง  Affiliate Marketing

การลงทุนแบบนี้เป็นอีกแบบที่แทบจะไม่ต้องลงทุนในรูปตัวเงิน เราเพียงไปสมัคร เว็บที่ขายเครื่องสำอางแล้วมีการรับตัวแทนจำหน่ายแบบนายหน้าโฆษณา  Affiliate เช่น lazada.co.th,strawberrynet.com เป็นต้น

เมื่อได้รับการอนุมัติ เราก็สามารถนำข้อมูลสินค้า พร้อมลิ้งค์ ที่ระบบที่มาของผู้ทำการโฆษณา ไปประชาสัมพันธ์ ตามสื่อ ช่องทาง ที่เรามี และยังสามารถที่จะทำเว็บไซต์เพื่อ ทำการรีวิวเครื่องสำอางยี่ห้อนั้น ได้ด้วย และส่งลิงค์กลับมายังเว็บผู้ให้บริการขายต่อไป

ผลตอบแทนที่ได้ของ นายหน้าโฆษณา จะเป็นค่าคอมมิชชั่น ซึ่งขึ้นอยู่กับ ผู้ให้บริการแต่ละรายกำหนดให้ว่าเป็นเท่าไหร่

แบบนี้ไม่ต้องคิดมากครับ ลงทุนต่ำ ไม่ต้องสต๊อกให้วุ่นวาย ไม่ต้องจัดส่ง ไม่ต้องติดต่อลูกค้า ทำหน้าที่เพียงเขียนทบความ และประชาสัมพันธ์เครื่องสำอาง แต่ก็นั่นหละครับ กำไรก็ไม่มาก แถมถ้าทำผิดกฎของผู้ให้บริการแล้วละก็มีหวังเงินก็อดนะครับ เพราะเงินค่าคอมมิชชั่นเขาจ่ายกันเป็นงวด ๆ ไป

3.ตัวแทนขายปลีก หรือตัวแทนรายย่อย

การลงทุนรูปแบบนี่ ใช้เงินลงทุน เฉลี่ยประมาณ 1000-5000 ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเจ้าของแบรนด์แต่ละแบรนด์ที่ให้เรารับสินค้าไปทำตลาด โดยส่วนใหญ่ ผลตอบแทนที่จะเป็น % ส่วนลด จากราคาขายปกติของร้านนั้น ๆ เฉลี่ย ประมาณ 15-25%

เราสามารถนำสินค้าไปทำเว็บไซต์ขายเอง หรือโพสในสื่อ Social Media  โดยขายในราคาขั้นต่ำที่ เจ้าของแบรนด์กำหนด บางคนก็บวกราคาเพิ่มขึ้นไป

เป็นตัวแทนขายปลีกต้องเริ่มลงทุนบ้างแล้วนะครับ กำไรก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิดครับ สามารถสร้างฐานลูกค้า ติดต่อลูกค้าได้เอง แต่ต้องสต๊อกเครื่องสำอางเองบ้างครับ แต่ก็ดีครับอย่างนี้เรามีโอกาสได้เรียนรู้ระบบการจัดการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยตอบปัญหาลูกค้า การตรวจสอบเงินโอนเข้า การจัดส่งไปรษณี เรียกว่าเป็นการเตรียมตัวเติบโตครับ

4.ตัวแทนขายส่ง

การลงทุนเป็นตัวแทนขายส่งหรือตัวแทนรายจังหวัด รายภาค โดยทั่วไปจะลงทุนประมาณ 1-3 หมื่นขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องสำอางและเงื่อนไขแบรนด์ บางแบรนด์ก็ต้องลงทุนกว่าแสน ส่วนลดที่ได้ประมาณ 35-55 % ของราคาขายปลีก

ตัวแทนแบบขายส่งสามารถที่จะนำสินค้าไปตลาด ขายส่งต่อให้กับตัวแทนรายย่อยได้อีก สามารถสร้างฐานตัวแทนของตัวเองได้ นำสินค้าไปขายในหน้าเว็บ หรือ Social Media ส่วนตัวที่มี

เมื่อใดก็ตามที่เราพัฒนามาเป็นตัวแทนขายส่งเชื่อได้เลยว่ประสบการณ์เรามีมากขึ้นแล้วครับ ประสบการณ์มักมาคู่กับกำไรที่มากขึ้น การสต๊อกสินค้าที่มากขึ้น ฐานลูกค้า ตลอดจนวิธีการจัดการต่าง ๆ ที่ดีขึ้นครับ แน่นอนว่าเงินลงทุนก็มากขึ้นเช่นกันครับ

5.ตัวแทนนำเข้ารายเดียว

การลงทุนแบบนี้จะเป็นการลงทุนจากระบบที่มีการค้าขายกันปกติก่อนที่จะขึ้นมาทำเป็นธุรกิจออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็น สินค้าแบรนด์เนม นำเข้า จาก เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกาฯ หลังจากนั้นก็มาทำตลาดบนอินเตอร์เน็ตอีกช่องทางหนึ่ง

ตัวแทนแบบนี้ลงทุนสูง หลัก ล้าน เลยทีเดียว ไม่เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่ ใจไม่ถึงสายป่านสั้น

ถ้าท่านใดสนใจเป็นตัวแทนนำเข้า ลองไปหาเครื่องสำอางเกาหลี ญี่ปุ่น เช่นที่หลาย ๆ ยี่ห้อทำสำเร็จมาแล้ว อาทิ Skin Food ,Karmart ฯ

6.ลงทุนทำแบรนด์เครื่องสำอาง

การลงทุนรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ในตลาดขายเครื่องสำอางออนไลน์มาระดับหนึ่งแล้ว หรือ มีฐานลูกค้าในระบบอยู่บ้าง

การลงทุนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทและโรงงานที่รับผลิต ขั้นต่ำอยู่ที่หลัก 3-5 หมื่นไปจนถึงหลักแสนหลักล้าน อยู่ที่ข้อตกลงระหว่างแม่ค้ากับโรงงาน

ปกติในปัจจุบันมีโรงงานที่รับผลิตให้กับกลุ่ม นักลงทุนรายใหม่ด้วยเงินลงไม่สูงมากนัก เช่น www.soamsarai.com ก็ให้บริการรับผลิตในระดับ SMEs

การทำแบรนด์ตัวเองเป็นการก้าวกระโดดในธุรกิจขายเครื่องสำอางออนไลน์เลยครับ กำไรงาม และเราได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการในหลาย ๆ ด้านครับ การตลาด การเงิน บุคคล สนุกครับ สิ่งที่ต้องตระหนักคือ หากเราไม่มีความรู้ ประสบการณ์ เงินที่ลงไปอาจเสียไปเปล่าครับ ควรหาบริษัทที่รับผลิตเป็นที่ปรึกษาที่ดีด้วยครับ

ผมแนะนำรูปแบบการลงทุน ชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ แล้วนะครับ สำหรับผมแล้วตอนเริ่มต้นก็ทำแบบ Drop Ship หละครับแล้วค่อย ๆ พัฒนามาเป็นแบบตัวแทนขายปลีก จนสุดท้ายมาจบลงที่ ทำแบรนด์เป็นของตัวเอง