ถ้าพูดถึงกระแสธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ยิ่งเป็นเรื่องของอาหารด้วยแล้วต้องบอกว่า อาหาร“คลีนฟู้ด” (Clean Food) นี่มาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เรียกว่าหันไปทางไหนก็จะเห็นคนที่หันมาให้ความสำคัญกับการทานอาหารแบบ “คลีนฟู้ด” (Clean Food) กันมากยิ่งขึ้น

หลายคนจึงเห็นช่วงนี้เป็นจังหวะและโอกาสที่จะเข้ามาทำธุรกิจอาหาร จะด้วยความชอบในการทำอาหารหรือทานอาหาร หรือ จะเป็นประเภทโหนกระแสก็ไม่ว่ากันครับ ใครเข้ามาตอนนี้ก็มีโอกาสโตอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะโตมากหรือน้อยเพียงเท่านั้นเอง

วันนี้ผมมีแนวทางการทำธุรกิจ อาหาร “คลีนฟู้ด” (Clean Food) ให้มีโอกาสขายดีมาแนะนำแบ่งปันจากมุมมองของคนทาน และ คนที่ได้มีโอกาสพูดคุยคลุกคลีกับเจ้าของกิจการทำ “คลีนฟู้ด” (Clean Food) มาบ้างพอสมควรครับ

 

1.รสชาติต้องอร่อย

อาหารถ้าไม่อร่อยมันก็ขายไม่ได้ ขายยาก ต่อให้คนรักสุขภาพก็เหอะ ถ้าทานอาหารแบบจืดชืดไร้รส ก็คงต้องวางอาหารทิ้งส่งให้คุณสุลองทานก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทานได้หรือเปล่า

ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติเป็นอันดับหนึ่งเลยนะครับ ทำให้อร่อย รับรองได้ครับว่าหากลูกค้าติดใจในรสชาติโอกาสขายดี บอกต่อก็มีอย่างแน่นอนเลยทีเดียวครับ

 

2.วัสดุ เครื่องปรุง  บรรจุภัณฑ์ต้องสะอาด ปลอดภัย

อร่อยอย่างเดียวก็ไม่คงไม่พอ หากมันไม่สะอาด ปลอดภัย คนทานอาหารไปวิ่งเข้าห้องน้ำไปก็คงจะเป็นเรื่องที่แย่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว คงเปิดได้ไม่ได้หละครับแบบนี้

ต้องมีกระบวนการในการคัดเลือกวัสดุ ผัก ปลา หมู ไก่ เนื้อ ปลา กุ้ง ฯ ตลอดจนวิธีการในการจัดเก็บ ขั้นตอนการปรุงที่ถูกหลักอนามัย น้ำตาล น้ำปลา เกลือ ซอส ต่าง ๆ ก็คงต้องใช้อย่างดี

พื้นที่ในการประกอบอาหารก็ต้องไม่เป็นทางหนูผ่าน หรือ เป็นสนามวิ่งเล่นของจ๊อส (แมลงสาบ) นะครับ ต้องดูแลเป็นอย่างดี ทำความสะอาดสม่ำเสมอ

ภาชนะที่นำมาใส่อาหารก็ต้องสะอาด ไม่เลอะเทอะ หรือ มีความเสี่ยงที่จะเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งนะครับ สิ่งเหล่านี้คงต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ คลีน เฉพาะอาหาร แต่ต้อง คลีน ทุกปัจจัยที่นำมาประกอบเป็นอาหารเลยทีเดียวครับ

 

3.มีเมนูให้เลือกหลากหลาย

                ถ้าแค่ทำทานเล่นที่บ้านมีแค่ หนึ่ง หรือ สอง สามเมนูก็คงพอ แต่ถ้าจะทำเป็นกิจการ มองเป็นธุรกิจคงต้องมีเมนูอย่างน้อย ๆ ก็สัก 5-10 เมนูให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเลือกทาน บางคนไม่ชอบทานปลา ก็ทานไก่ ไม่ชอบทานไก่ก็ทานหมู หรือ จะเอาเฉพาะผักอะไรก็ว่ากันไป

ความหลากหลายของเมนูจะเพิ่มโอกาสในการขาย เพิ่มกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าได้ครับ แน่นอนหละ คนเหล่านี้เขามองอาหารคลีนเป็นเรื่องของสุขภาพ แต่เรื่องของเมนูให้เลือกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันครับ

 

4.ใกล้หรือไกลก็ส่งไปให้ถึง Delivery

ผมเห็นร้านอาหาร “คลีนฟู้ด” (Clean Food) ทั้งที่อยู่ในตลาดนัด บางร้านก็ไม่มีหน้าร้านนะขายกันทางออนไลน์ สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องของทำเล ก็คือรูปแบบการบริการ Delivery นั่นเอง

เดี๋ยวนี้สะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะมีบริษัทที่เขารับบริการจัดส่งสินค้าอยู่แล้ว ส่วนคนที่จะทำ “คลีนฟู้ด” (Clean Food) ขายก็แค่เลือก ประเภทของผู้ให้บริการ Delivery ให้เหมาะกับตัวเองนะครับ จะใช้ส่งเอง วินมอเตอร์ไซต์ หรือ ใช้บริการ application ที่เรียกใช้บริการมาแว้นส์ส่งอาหารให้ก็ได้นะครับ มีให้เลือกหลายเจ้าอยู่ทีเดียว

ก็ต้องดูเรื่องค่าใช้จ่ายในการส่งด้วยนะ ถ้าไม่ไกลมากรัศมีที่เราให้บริการได้ คุ้มค่าอาหาร น้ำมัน ก็อาจส่งให้ฟรีหากสั่งครบตามเงื่อนไข ส่วนที่ไกลออกไปเราก็ช่วยเรื่องการจัดส่งไปบางส่วนผมว่ามันก็น่าจะเป็นการช่วยดึงดูดลูกค้าได้นะครับ

5.ถ่ายรูปให้สวย ใช้สื่อออนไลน์ให้คล่อง

ประเด็นนี้ก็สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ยอดขายจะโตไม่โตมันก็อยู่ที่กระบวนการในการทำ PR หรือประชาสัมพันธ์สินค้าเราให้ลูกค้าเห็นนี่แหละครับ

รูปสินค้ามันต้อง “อร่อยตา” เห็นแล้วอยากกิน คงต้องลงทุนกันสักนิดนะครับ อาจจะหา Studio หาตากล้องมีฝีมือมาสักคนช่วยถ่าย ช่วยจัดฉาก วางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ถ่ายออกมาแล้ว “น่าทาน” นะครับ ถ้าถ่ายเองไม่สวยก็จ้างเถอะครับ มันคุ้มว่าแน่นอน

ได้รูปแล้วก็ถึงขั้นตอน บอกกล่าวเล่าความอร่อยผ่านรูป สื่อออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook,Intragram ,Line ฯ พยายามส่งสื่อของเราเข้าไปในทุกช่องทางนะครับ ได้ออร์เดอร์มาช่องทางละ 2-3 ออร์เดอร์นี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

 

คงจะพอมองเห็นไอเดีย แนวทางในการทำธุรกิจอาหาร “คลีนฟู้ด” (Clean Food) นะครับว่าจะเริ่มทำอย่างไร และเน้นส่วนไหนเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจเราขยายขายดี คราวนี้ก็ได้เวลาที่จะ…ลุย !!! แล้วหละครับ