ผมได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกับเจ้จง ในเฟสบุ๊คครับ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไร มีแค่แนะนำตัวกันนิดหน่อย เจ้จงเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ไอดอลในการทำธุรกิจแบบ เรียบง่าย ติดดิน รากหญ้า ครับ

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนรู้จักเจ้จงดีอยู่แล้ว ความเป็นมาอะไรอย่างไร เพราะมีสื่อทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อออนไลน์ ต่างบอกเล่าที่มาอยู่พอสมควรแล้ว ส่วนตัวเริ่มตั้งข้อสงสัยและเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่า “เจ้จง” ทำธุรกิจแบบแม่ค้ารากหญ้าให้เติบโตขนาดนี้ได้อย่างไร

จนวันหนึ่งผมก็คิดว่า เอ้ !! อยากได้แนวคิดการทำธุรกิจของเจ้จงมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ในเว็บนี้จะทำอย่างไร

โลกโซเชียลช่วยได้ ผมทักไปขอคำแนะนำเจ้จง ทาง Facebook ซึ่งเจ้จงน่ารักมากครับ ขอเบอร์ผมเพื่อโทรกลับมาพูดคุย

เราใช้เวลาคุยกับ 5-10 นาทีครับ แนะนำตัวนิดหน่อย ผมก็เข้าประเด็นที่สนใจคือ “ทำธุรกิจในแนวรากหญ้า” ให้เติบโตได้อย่างไร ทำอย่างไรเจ้จงจึงมาถึงวันนี้

บทสรุปเนื้อหาที่พูดคุยกัน ผมสรุปเป็นประเด็นและขยายความได้ดังนี้ครับ

1.ราคาถูกคนเอื้อมถึง ถ้าวันนั้นเจ้ตั้งราคาแพง วันนี้คงไม่มีเจ้

2.ให้ทุกอย่างที่ให้ได้ : ใครอยากได้อะไรเพิ่มเอาเลย ผักผลไม้ ข้าว น้ำ เต็มที่เลย เพราะตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เอาขายไปวัน ๆ ประทังชีวิต

3.ไม่หวังกำไรมากเกินไป  คนจะซื้ออะไรมองที่ราคาเป็นจุดเริ่มต้น หากมีก๋วยเตี๋ยว 10 บาทกับ 65 บาทถามว่าซื้ออย่างไหน คนส่วนมากทาน 10 บาท

3 ข้อหลักที่ได้จากการพูดคุยกัน หากจะมองแบบง่าย ๆ คือ

1.เรื่องของราคา และ กำไร ที่เหมาะกับตลาด กลุ่มคน เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่ง ผมเองก็พยายามที่จะนำเสนอมาตลอดให้เพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่ ได้ “ตระหนัก” นะครับ ว่าราคาเป็นเรื่องของ “คุณค่า” และสมเหตุสมผล เมื่อเร็วๆ นี้เห็นคลิป ข้าวกระเพรารวมมิตรข้างถนนจานละ 150 บาท โอ้ !! แม้เจ้า นี่นะหนะประเทศไทย อยู่กันลำบากครับอย่างนี้ คงต้องบอกว่าอย่างนี้ลำบากครับ ลูกค้าหนีหมดแน่นอน

2.เรื่องการบริการที่ Wow Wow Wow  คืออยากได้ไรเพิ่มหากให้ได้ก็ให้เลย นี่คือจุด “Wow” ของการบริการ แม้ตอนนั้น เจ้จงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่นี่ก็เป็นการทำการตลาดแบบธรรมชาติครับ แบบถ่อยทีถ่อยอาศัยระหว่าง “แม่ค้ากับลูกค้า” อยากกินไรหยิบเลย กินไม่อิ่มเติบข้าวได้ แม้จานนั้นอาจจะไม่ได้กำไรอะไรเลย แต่ใช่ว่าทุกคนจะ ไม่มีความ “เกรงใจ” เอาไปแต่พอคิด เมื่อเจอแม่ค้าที่มีน้ำใจ ลูกค้าก็ยินดี ที่จะตอบแทนด้วยน้ำใจเช่นกัน

3.เกิดแรงกระเพื่อมในชุมชน ขยับไปสังคม ขยับไปเมือง ขยับไปประเทศ ร้านข้างถนนไม่น่าจะดัง คนชื่อเจ้จงไม่น่าจะมีใครรู้จัก หากไม่มีการบอกต่อถึง “ความดี” ทั้งในด้านรสชาติอาหาร ราคาที่ประหยัด และ การบริการที่ Wow  แรงกระเพื่อมได้รับการถ่ายทอดต่อกันเป็นคลื่น จากผู้หญิงโนเนม ขายข้าวหมูทอด กลายมาเป็น “ต้นแบบ” คนสู้ชีวิตให้กับใครหลาย ๆ คนทั่วประเทศ นี่เป็นเรื่องของการ “สร้างธุรกิจ สร้างตัวตนที่เป็นธรรมชาติที่สุด” เลยครับ

และยังมีประเด็นปลีกย่อยที่ผมอยากจะยกมาให้พวกเราได้เป็นกำลังใจกันนะครับ

“ตอนที่เจ้เริ่มตอนนั้นเป็นหนี้มาก เจ้าหนี้ตามตลอด เครียด กินเหล้า เป็นอยู่อย่างนี้ จนวันหนึ่ง มองหน้าลูก เป็นจุด “พลิกชีวิต” ว่าเราอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นลำบากกันทั้งครอบครัว เจ้ยอมเหนื่อย เพื่อแลกกับความสุขของลูก ๆ “

คนเราย่อมมีจุด “พลิกชีวิต” ครับ หลายคนฟังเรื่องราว คนโน้นคนนี้ก็เกิดแรงบันดาลใจ คิดได้ มีกำลังใจในการสู้ชีวิต ทำให้เดินต่อไปได้

หากวันนี้เรายังอยู่ในจุดอับ ของชีวิต ขอให้รู้ไว้เถอะครับ ยังมีคนที่ “เคย” ตกอับเหมือนหรือแย่กว่าเรามากมายนัก หากไม่รู้ว่าจะสู้เพื่อใครก็ของให้สู้เพื่อคนที่คุณรัก หรือ คนที่รักเรา แม้จะไม่มีใครสักคน ก็ขอให้สู้ “เพื่อตัวเอง” อย่ายอมให้ชีวิตต้อง “ตกเหว” ด้วยปัจจัยนานับประการเลยครับ

ขอให้ใช้ “หัวใจ” สู้กับทุกปัญหา แล้วสักวันครับ “ปัญหา” เหล่านั้นมันจะ “ยอมแพ้” หัวใจเราเอง

ขอบคุณ เจ้จง หมูทอดร้อยล้าน ที่ให้โอกาส Taokaemai.com นำเรื่องราวเกร็ดเล็ก ๆ ในการทำธุรกิจมาแบ่งปันครับ