ผมมีโอกาสรู้จักคุณพอล เมื่อปีที่แล้ว (2557) จำได้เลยครับ ตอนนั้นผมอ่านบทความหน้าเฟส The CEO Blogger บอกได้เลยครับ ผมสัมผัสถึงความทุ่มเทอะไรบางอย่างของ ผู้ชายคนนี้ หลังจากนั้นเขาก็ออกคอร์สสัมมนา เกี่ยวกับการสร้าง Blog ผมตัดสินใจที่จะเรียนคอร์สนี้ทันที ด้วยเหตุผลเดียว ครับ ผมอยากรู้จักกับ คุณ พอล ส่วนความรู้ผมถือเป็นกำไร

หลังจากวันนั้นเราก็มีโอกาสพบปะ พูดคุย ร่วมงานกันมาต่อเส้นทาง 1 ปี เป็นเพื่อนทางความคิด เป็นมิตรทางธุรกิจกันเรื่อยมา

ผ่านไป 1 ปีจากผู้ชาย No-Name สู่บุคคลสาธารณะที่มีความน่าเชื่อถือ มี Authority มาก วันนี้เขาคือ “เจ้าชาย Blogger “ คนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่ผมได้นำเรื่องราว ของ “เจ้าชาย Blogger” คุณพอล มาแบ่งปันบอกเล่า เพื่อเป็นแนวทางสร้างแบรนด์ และพัฒนาธุรกิจสำหรับเถ้าแก่ใหม่ทุกท่านครับ

แนะนำตัว ประวัติ และผลงานในปัจจุบันครับ

สวัสดีครับ! ผมชื่อ พรพรหม กฤดากร ชื่อเล่น พอล เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.theceoblogger.comเร็วๆนี้ผมกำลังจะรีแบรนด์เป็นwww.ceoblog.comขอฝากประชาสัมพันธ์ไว้ ณ โอกาสนี้ครับ

ผมจบรัฐศาสตร์ และทำงานจัดซื้อต่างประเทศในอุตสาหกรรมค้าปลีก แต่มาทำธุรกิจ Information business ผ่านโลกออนไลน์ ไม่มีอะไรสัมพันธ์กันสักอย่าง หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย เส้นทางแต่ละอย่างที่ได้ทำเป็นการเรียนรู้จากศูนย์ทั้งสิ้น และรู้สึกสนุกมาก สมกับวลีที่ว่า

ความท้าทายหาใช่จุดหมาย แต่มันอยู่ในการเดินทาง

ปัจจุบันผมทำอาชีพInfopreneur(นักขายข้อมูลความรู้) เป็นอาชีพในกลุ่มธุรกิจที่เรียกว่า Information business มีผลิตภัณฑ์เป็น E-book, DVD, Course Online แล้วก็ Public seminar นอกจากนั้นยังเป็น Guest speaker ตามเวทีต่างๆ สองปีผ่านการพูดต่อหน้าคนแล้วน่าจะประมาณ 3,000 กว่าคนครับ เนื้อหาที่ผมแบ่งปันจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจหมวดการตลาด เน้นหัวข้อการตลาดออนไลน์

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งนี้

ผมหลงใหลในศาสตร์ของผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ผมอ่านหนังสือและบทความด้านนี้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อทำงานประจำผมขึ้นตรงกับ CEO ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทและได้รับมอบหมายให้บริหารหน่วยสินค้านำเข้าทั้งหน่วยด้วยงบประมาณปีละกว่าร้อยล้านบาท ช่วงนั้นผมจึงได้สัมผัสกับโลกของ Entrepreneur อย่างใกล้ชิดภายใต้แนวคิด OPM หรือการทำธุรกิจด้วยOther People Money

หลังจากมีประสบการณ์ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติด้วยเงินคนอื่น ผมก็เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวด้วยเงินตัวเอง 100% มุ่งไปทางออนไลน์และผลลัพธ์ส่วนใหญ่คือเจ๊งเละเทะครับ

ประสบการณ์สามส่วนมารวมกันเกิดเป็น Information ในโลกธุรกิจจำนวนมากที่ผมอยากจะแบ่งปัน ยิ่งไปเห็นคนโพสต์ถามตามกระทู้เว็บบอร์ดต่างๆ ยิ่งคันไม้คันมือว่าปัญหาพวกนี้เรารู้และผ่านมาได้แล้ว อยากไปบอกเขา อยากไปเตือนผู้คน ฯลฯ จึงเริ่มต้นเขียนบทความแบ่งปันประสบการณ์ผ่านโลกออนไลน์

ช่วงเริ่มแรกผมเขียนด้วย Passion 100% เรื่องเงินยังไม่สนใจ มีความสุขที่คนได้ประโยชน์ มาขอบคุณ มาปรึกษา มาติดตามเป็นแฟนคลับ แต่นานไปเริ่มถูกจำกัดสิทธิ์จากเว็บบอร์ด ถูกลบกระทู้ หนักๆ ก็โดนแบน เพราะเราเริ่มมีการแนะนำลิงค์ไปยัง Blog ใหม่ของเรา มีการประชาสัมพันธ์Ebookแจกฟรี ฯลฯ ก็เลยโดนเว็บบอร์ดเล่นงานเอา ทำให้ผมเริ่มคิดทำ Blog จริงจังในตอนนั้น ในขณะที่ปัจจุบันเว็บบอร์ดนั้นกลายเป็นเว็บบอร์ดร้างไปแล้ว

จากเขียนฟรี ก็เริ่มคิดหาเงิน

การคิดเรื่องเงินไม่ใช่ความโลภ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกสิ่งต้องแลกเปลี่ยนและเกื้อกูลกัน มนุษย์ใช้เงินเป็นกฎแห่งการแลกเปลี่ยน และเราต้องมีรายได้เลี้ยงชีพเพื่อผลิตงานออกมาสร้างประโยชน์ หลังจากเขียนบทความจาก Passion เป็นเวลานานผมจึงเริ่มคิดไม่ตกว่าทำอย่างไรเราจึงจะมีชีวิตอยู่ได้จากการทำสิ่งนี้ คำตอบคือผมต้องเอาความรู้ที่มีออกมาขาย

ผลิตภัณฑ์ทางความรู้เรียกว่า Information products และอุปสรรคของผมในตอนนั้นคือทำอย่างไรให้ Lean ที่สุด

อธิบายแนวคิด Lean startup สู่ รากหญ้ามาร์เก็ตติ้ง กับการเริ่มต้น Info-business ของคุณพอล

Lean startup เป็นแนวคิดจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Eric Ries ว่าด้วยการเริ่มต้น Launch product ให้เร็วที่สุด ทดสอบ ฟังผลตอบรับ ปรับปรุง แล้วเปิดตัวใหม่

Information product เวอร์ชั่นแรกของผมคือEbookเพราะเทียบกับหนังสือเล่มแล้ว Ebookผลิตได้เร็วมาก เขียนลง MS Words ใช้เวลา 30-40 ชั่วโมงเสร็จ แล้วใช้ PDF Converter แปลงไฟล์เป็น PDFก็ขายได้เลยในขณะที่ Book ต้องผ่านกระบวนการอีก 6-12 เดือนกว่าจะเข้าร้านหนังสือได้

เรื่องการก็อปปี้ ฯลฯ ผมกังวลแต่ก็เดินหน้าเต็มกำลังด้วยแนวคิด Lean Startup คือ Launch ธุรกิจและสินค้าตัวแรกให้เร็วที่สุด ขอพิสูจน์ตลาดก่อนว่าขายได้ เอาเงินสดก้อนแรกเข้ามาให้ได้ก่อนปัญหาอื่นๆ เดี๋ยวค่อยหาวิธีแก้ไข

การทำงานทั้งหมดเกิดขึ้นออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นEbookเป็นไฟล์ดิจิตอล มีการผูกระบบชำระเงินและระบบจัดส่งด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จรูปต่างๆ ให้ทุกอย่างดำเนินแบบกึ่งอัตโนมัติที่สุด ตัดเรื่องที่เป็น Off-line ออกไปให้มากที่สุดคือไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องสต็อกสินค้า ฯลฯ ต้นทุนจึงต่ำในขณะที่กำไรสูงมาก

ทำไมต้องออนไลน์

การตลาดใช้ออนไลน์ทั้งหมดโดยเน้นหลัก Digital content marketing คือการผลิตเนื้อหาฟรีๆ ที่มีประโยชน์แล้วเผยแพร่ผ่าน Blog, Facebook, Web board และ Email marketing เพื่อสร้าง awareness และให้เกิดผู้ติดตาม

เพราะเรายังใหม่ไม่มีใครรู้จัก ถ้าใช้การโฆษณาแบบจ่ายเงินคงต้องใช้เงินมากในการยิงโฆษณาทุกวันๆ จนกว่าคนจะจำได้ ในขณะที่ Content marketing เป็นการผลิตเนื้อหาที่มีประโยชน์ ไม่มีการขายของใดๆทั้งสิ้น คนจึงเปิดใจเสพได้ดีกว่า และสามารถนำไปแชร์ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ได้โดยไม่ถูกลบกระทู้ ทำแบบนี้จึงค่อยๆเข้าถึงใจคนได้ พอได้ใจคนแล้วค่อยแนะนำสินค้าภายหลัง

เมื่อคนจดจำและติดตามเรามากขึ้น ตอน Launch สินค้าก็ใช้ Facebook ads ยิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนผู้ติดตาม เขารู้จักเราแล้ว แค่เห็นสินค้าของเราเขาก็ซื้อการตลาดออนไลน์มีค่าใช้จ่ายแต่ก็นับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการตลาดที่ต้องลงหนังสือพิมพ์หรือออกโทรทัศน์ครับ

เงินลงทุนก้อนแรกที่ผมใช้ในการเริ่มต้นคือ 5,000 บาท เป็นค่าเช่าโฮสต์จดโดเมนครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นค่า Website theme ครับ ยอดขายแรกเกิดขึ้นในเดือนที่สี่หลังเปิดเว็บไซต์ ด้วยยอดขายวันแรกประมาณ 20,000 บาท

ฝากถึงคนอยากเป็น Infopreneur

Infopreneur เป็นอาชีพที่ต้นทุนต่ำกำไรสูง มีตัวเองเป็นสินค้า และมีตัวเองเป็นแบรนด์ คุณจึงไม่ต้องสต็อกสินค้าใดๆ เลย ปัจจุบันและอนาคตอาชีพนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคุณสมบัติหลายด้านที่ธุรกิจ Offline ทำไม่ได้ แต่กระนั้นนี่ไม่ใช่ Get rich quick นะครับ

Infopreneur ต้องขายความรู้จริงในสิ่งที่คุณเป็น ความจริงใจและความซื่อสัตย์ในอาชีพต้องมี ที่สำคัญอาชีพนี้ใช้เวลาในการสร้างการยอมรับ ฉะนั้นขอให้อดทนในช่วงเริ่มต้นครับ

มีคอร์สสัมมนาสำหรับผู้จะเริ่มต้นเป็น Blogger บ้างครับ

สิ่งที่คุณจะได้จากสัมมนา ‘Infopreneur สร้างรายได้ จากการขายความรู้’

1. Mindset สู่การเป็น ‘Infopreneur’ นักธุรกิจความรู้ ที่ประสบความสำเร็จ

Infopreneur เป็นอาชีพ/ธุรกิจ ที่มีต้นทุนต่ำและผลตอบแทนดี แต่การปล่อยให้ตัวเงินเป็นที่ตั้งของการเริ่มต้นธุรกิจนี้เป็นสาเหตุให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ
สร้างหลักคิดทำความเข้าใจถึงหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จที่แท้จริง อะไรคือ แก่น ของธุรกิจ Information business และเมื่อคุณ GET! เส้นทางนี้ก็เปิดกว้าง

2. Mindset นักขายออนไลน์ นักธุรกิจต้องกล้าขาย ขายได้ และขายเป็น

สินค้าดีแค่ไหนก็ขายไม่ได้ถ้าไม่มีคนขาย โดยเฉพาะ Infopreneur เป็นธุรกิจที่คุณต้องขายตัวเองให้เป็น! เจาะหลักคิด ปรับทัศนคติ
สู่การเป็นสุดยอดนักขายความรู้มืออาชีพที่ดูดีมีเสน่ห์ เปลี่ยนจาก Sales man สู่ Information Business Expert!

3. กลยุทธ์ Long Tail Market วิเคราะห์ตลาดทำเงินเพื่อเป็น ปลาใหญ่ในบ่อเล็ก ไม่แย่งกับใคร

ตลาด Long Tail เป็นตลาดใหญ่และยังมีพื้นที่อีกมากที่ยังไม่มีคนจับจอง ค้นหา Niche ในตัวคุณและมุ่งหน้าสู่ตลาด Long tail ที่มีลูกค้าที่พร้อมจ่ายแต่ไม่มีใครเข้าไปขาย
การเป็นผู้ขายคนแรกในตลาด Long tail เม็ดเงินจากกลุ่มเป้าหมายทั้งประเทศจะเป็นของคุณ!

4. Millionaire Road Map วางแผนและสร้างพอร์ตสินค้าให้มีรายได้ตลอดทั้งปี

หนึ่งคนสามารถแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ได้เป็นสิบชนิด วางแผนสร้างผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจรเพื่อให้มีสินค้าหมุนเวียนขายตลอดทั้งปีกับ Millionaire Road Map

5. Step by Step วิธีผลิต Information products ในรูป Ebook และ Seminar แบบจบไปทำได้เลย

เจาะลึกกระบวนการทำงานแบบละเอียดที่สุดในสามโลก เพื่อมุ่งให้คุณสามารถออกจากคอร์สนี้ไปสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้เลย

6. Personal Branding ใน 3 นาที เผยหลักคิดพิเศษ รู้เท่านี้ นำไปใช้ได้ตลอดชีวิต

อยากขายดีต้องสร้างแบรนด์ แต่การสร้างแบรนด์คืออะไร ถาม 100 คนตอบ 100 อย่าง แต่ที่นี่จะทำให้คำว่าการสร้างแบรนด์เข้าใจใช้เป็นใน 3 นาที! ความรู้นี้ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ

7. การตลาดออนไลน์ สำหรับ ‘Infopreneur’ นักธุรกิจความรู้ เพื่อวิถีแห่ง Passive Income

เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเป็นประโยชน์ สร้างอาณาจักร Information business ด้วยการตลาดออนไลน์ วางระบบสู่การมีวิถีชีวิตแบบ Passive income!

ลงทะเบียน > The CEO Blogger

เถ้าแก่ใหม่รีวิว

ผมย้ำเสมอตลอดเส้นทางการเริ่มธุรกิจแบบรากหญ้าคือ ให้หาแก่นของ “ธุรกิจ” ให้เจอ แก่นในที่นี้คือ “Passion” ที่ไม่ว่าคุณจะทำงานนั้นด้วยความลำบาก ทำด้วยความเหนื่อย ต้องทนแรงทัดทาน ดูถูกจากคนรอบข้าง แต่คุณก็ยัง “ยิ้มได้” ยังสู้ไหว ยังเดินต่อด้วย “ความสุข” ที่จะเดิน

คุณพอล “เจ้าชาย Blogger” คือตัวอย่างที่ “ชัดเจน” ในเรื่องของ Passion แม้วันที่เริ่มยัง “ไม่มีอะไร” แต่เขารู้ในใจครับว่าอนาคต “จะมีอะไร”

รายได้จากธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งที่เราเห็น จับต้องได้เสมอไปครับ แต่ได้จาก วิสัยทัศน์ หรือ Vision มองไปไกลถึงอนาคต

ถ้าวันนี้เรายัง “ไม่มีอะไร” แต่รู้แน่ชัดว่า พรุ่งนี้เรา “จะมีอะไร” ก็ขอให้ ใช้ Passion รากแก้วของธุรกิจ รากหญ้าของชีวิต เป็นเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนให้เราไปถึงยังเป้าหมายต่อไปครับ