เงินเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง ทุกสิ่งล้วนใช้เงินในการแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น หากใครไม่บริหารเงินให้ดีก็อาจจะพบกับความหายนะทางการเงินได้ อาทิ เป็นหนี้เป็นสิน ไม่มีเงินเก็บออม ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ไม่มีเงินลงทุน เป็นต้น ซึ่งปัญหาทางการเงินส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุอันเนื่องมาจากการไม่บริหารการเงินหรือไม่รู้ว่าจะบริหารการเงินอย่างไร

 

สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วนั้น การบริหารการเงินสามารถทำได้ทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะทำกันหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่ทำก็มักจะพบกับความเดือดร้อนทางการเงินดังกล่าว ส่วนคนที่บริหารเงินเป็นก็สามารถยิ้มได้ใช้ชีวิตด้วยความสบายใจบนเพดานการเงินที่ตนได้รับเป็นอย่างดี รวมถึงมนุษย์เงินเดือนที่คิดจะหารายได้ด้วยการทำธุรกิจอื่นใดเสริม ก็สามารถมีเงินที่จะมาสนับสนุนให้การทำธุรกิจลื่นไหลเป็นไปด้วยดีอีกด้วย

 

มีทฤษฎีทางการเงินหนึ่งที่เป็นที่ยอมกันกันไปทั่วโลก โดยนักการเงินระดับโลก นั่นก็คือ T-Harv eker นั่นเอง ซึ่งหากเอ่ยถึงคำว่า 6 jars หรือ 6 กระปุก หลายคนก็จะร้องอ๋อทันทีเพราะคุ้นเคยและปฏิบัติอยู่ แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่ยังไม่เคยได้ยินหรือรู้จัก 6 jars เลย วันนี้ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาฝากมนุษย์เงินเดือนเพื่อเป็นแนวคิดที่นำไปใช้ในการบริหารเงินกัน มาดู 6 กระปุก แห่งความสำเร็จทางการเงินของ T-Harv eker กันเลยครับ

 

1.กระปุกแห่งความจำเป็น

 

กระปุกนี้ T-Harv ให้สัดส่วนที่สูงถึง 55% เลยทีเดียว เช่น คุณได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ก็กันออกมาสำหรับกระปุกนี้ 55% จะอยู่ที่ 8,250 บาท ให้คุณใช้เกี่ยวกับความจำเป็นต่าง ๆ อาที ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ ภายในวงเงินนี้ ห้ามเกินจากนี้เป็นอันขาด

 

2.กระปุก Play

 

คนเราก็ต้องมีการผ่อนคลายสบาย ๆ กับชีวิตบ้าง  T-Harv ให้กันเงินส่วนนี้ 10 % เพื่อให้คุณได้ให้รางวัลแก่ตัวเองบ้าง เช่น ไปนวดทำสปา หรือไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรืออาจจะพาสาวออกเดท เป็นต้น ถ้าเงินเดือน 15,000 บาท   10 % ก็เท่ากับ 1,500 บาท ต่อเดือนนั่นเอง

 

3.กระปุกแห่งเสรีภาพ

 

เป็นการเก็บเงินแบบระยะยาวเพื่อใช้ในยามเกษียณอายุ อาจจะเป็นไปในรูปของประกันสะสมทรัพย์ การซื้อสลากออกสิน หรือการซื้ออสังหาเพื่อปล่อยเช่า กระปุกนี้ T-Harv   ให้กันไว้ 10 % ของเงินเดือน และอย่านำเงินส่วนนี้ออกมาใช้อย่างเด็ดขาด ถ้าคุณทำได้เมื่อเวลาผ่านไปและคุณแก่ตัวลงก็จะมีเงินใช้อย่างสบาย

 

4.กระปุกเพื่อการศึกษา

 

T-Harv   ให้ความสำคัญของการลงทุนกับความรู้ โดยกันไว้ 10 %  ของเงินเดือนเพื่อซื้อหนังสือ ซีดีให้ความรู้ต่าง ๆหรือการลงคอร์สอบรมสัมนาที่เสริมความรู้ หรือจะเป็นการเรียนต่อปริญญาตรี ปริญญาโท ก็ตาม จะรวมอยู่ในกระปุกนี้

 

5.กระปุกความฝันใหญ่

 

บางครั้งคุณอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรืออยากได้โทรทัศน์รุ่นใหม่ ๆ หรืออาจจะเป็นเครื่องดนตรี หรือเงินดาวน์บ้าน ค่าเทอมลูก ค่าสินสอด หรืออยากจะลงทุนทำธุรกิจใด ๆ  ก็มารวมอยู่ในกระปุกนี้ โดย T-Harv   ให้กันไว้ 10% ของรายได้ทุกเดือน เมื่อถึงเวลาคุณก็สามารถนำเงินนี้มาใช้ในสิ่งที่คุณปรารถนาได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนไปกู้หนี้ยืมสินผู้ใด

 

6.กระปุกแห่งการแบ่งปัน

 

T-Harv   แนะนำให้กันส่วนนี้ไว้ 5%  สำหรับวันสำคัญของครอบครัวหรือมิตรสหาย เช่น งานรับปริญญา งานวันเกิดหรือเทศกาลต่าง ๆ  รวมถึงการใช้เพื่อการกุศล การทำบุญ การบริจาค เงินส่วนนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องลำบากใจเวลาที่จะต้องให้หรือแบ่งปันผู้อื่น

 

ครบ 100% พอดีสำหรับการบริหารเงินตามทฤษฎีของ T-Harv eker ที่จัดส่วนแบ่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของผู้คนที่มองไปในภาพรวม ไม่ให้รู้สึกว่าอึดอัดแต่อย่างใด เพราะแต่ละส่วนได้ถูกแบ่งไว้อย่างพอเหมาะพอดีตรงตามความเป็นจริงและมนุษย์เงินเดือนก็สามารถทำได้ และถ้าทำแล้วอย่างมีระเบียบวินัย ผมเชื่อว่าทุกคนจะยิ้มออก เพราะครบทุกองค์ประกอบของการดำเนินชีวิตนั่นเอง

 

การบริหารการเงินอย่างมีหลัก จะทำให้คุณพ้นจากคำว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง และทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถบริหารการเงินไม่ว่าจะมีเม็ดเงินรายได้เท่าไร ก็สามารถบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งตัวเองและครอบครัวก็ไม่เดือดร้อนเพราะเงินได้ถูกแบ่งสรรปันส่วนเหมือนมีมืออาชีพทางการเงินอยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา

 

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีความใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง เมื่อปฏิบัติตามแนวทางการบริหารเงินของ T-Harv eker แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนรู้แล้วว่าเงินที่ถูกแบ่งตามหลักอย่างดีแล้วจะทำให้คุณมีเงินเพียงพอสำหรับทำธุรกิจ เริ่มต้นธุรกิจ หรือขยายธุรกิจโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาหรือหยิบยืมเงินผู้อื่นเลยครับ