เปิดร้านขายของออนไลน์ใคร ๆ ก็อยากขายสินค้าให้ได้เยอะ ๆ จริงไหมครับ แต่จะทำอย่างไงดีนะ ให้สิ่งที่ต้องการเป็นความจริง ง่ายๆ ก็ทำตามแบบที่คนอื่นเขาทำเหมือนกันสิ

คุณจะคิดแบบนี้ ก็ไม่ผิดครับ แต่อย่าสงสัยก็แล้วกัน ว่าทำไมร้านของเรามันไม่รุ่งกับเขาซะที ไม่ค่อยมีคนเข้ามาชมและซื้อสินค้าเลย และหากร้านค้าของคุณเงียบเหงาเป็นเวลานาน ๆ  คำว่าเจ๊งจะมาเคาะประตูเรียกได้นะครับ

ประเด็นก็คือ พอคุณทำอะไรเหมือนๆกับคนอื่น ลูกค้าก็คิดว่า เลือกซื้อกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณหนิครับ

วันนี้ผมเลยมี เทคนิคสร้างความแตกต่าง บนโลกออนไลน์มาฝากกันครับ มาดูว่าคุณจะทำอะไรให้แตกต่างได้บ้างครับ

1.อย่าเน้นทำโฆษณามากเกินไปแต่หันมาทำคอนเทนต์ให้มาก

จะว่าไปแล้วโลกในยุค 2017  ต่างจากยุคที่การโฆษณาเคยรุ่งเรืองมากแบบคนละเรื่องกันเลยนะครับ

คุณจะเห็นว่าปริมาณของสื่อหรือข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พอข้อมูลมากเกิน คนก็จะตัดข้อมูลที่ไม่น่าสนใจออก

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โฆษณาสินค้าทั้งหลายแหล่นั่นเอง สิ่งนี้บอกอะไรกับเราได้บ้าง คือ คนไม่ได้ต้องการจะซื้อสินค้าตลอดเวลา เขาเข้า Social Media หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เพื่อความบันเทิง และรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง

คุณต้องหันกลับมายอมรับความจริงที่ว่า การทำโฆษณาแบบเดิม ๆ นั้นมีประสิทธิภาพลดลงไปเรื่อย ๆ

ดังนั้น จะเป็นการดีกว่าไหม ถ้าจะทำการตลาดโดยไม่มุ่งเน้นการทำโฆษณาเหมือนเมื่อก่อน แต่หันมาผลิตคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพแทนครับ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคิดแต่จะขายของแหลก การทำคอนเทนต์ดีๆจะสร้างความแตกต่างให้คุณได้แน่นอนครับ

2.ทำการตลาดให้ครบทุกช่องทางที่ลูกค้าอยู่

การมีหลายช่องทางก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีเครื่องมือในการทำการตลาดที่หลากหลายย่อมเป็นผลดี ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและตรงกับสภาวะการณ์ ที่ผู้คนเริ่มหันมาช้อปทางออนไลน์กันมากขึ้น

เวลาคนเราอยากได้ของอะไรสักชิ้นหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการค้นหาสินค้าบนกูเกิ้ล เมื่อเจอสินค้าที่ตนต้องการแล้ว

ก็ทำการตรวจสอบแต่ละเว็บไซต์ แฟนเพจ ว่าธุรกิจของคุณมีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ หรือบางที ลูกค้าอาจเจอคุณก่อนผ่านแฟนเพจ แล้วเขาค่อยไปดูความน่าเชื่อถือผ่านเว็บไซต์ก็ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ร้านค้าออนไลน์ของคุณจึงต้องมีข้อมูลครบถ้วนและสื่อสารออกไปในทุกช่องทางครับ

เว็บไซต์ก็ต้องมีแฟนเพจก็ต้องทำและถ้าลูกค้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่น Instagram คุณก็ต้องมี Instagram

ในขณะที่ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ มีแต่เพจบนเฟซบุ๊ค การมีช่องทางสื่อสารครบวงจร นอกจากจะทำให้คุณแตกต่างยังช่วยให้ร้านมีความน่าเชื่อถือและมีผลต่อลำดับการค้นหาในกูเกิ้ลอีกด้วยครับ

3.อย่าขายแค่สินค้า จงขายประสบการณ์

คนส่วนใหญ่ยังคิดแต่จะขายสินค้าครับ แต่จริงๆแล้วลูกค้ายุคนี้ ต้องการมากกว่าสินค้า เช่น แพคเกจจิ้ง ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนหน้าตาของธุรกิจ ที่ลูกค้าเห็นแวบแรกแล้วก็หยุดดูด้วยความสนใจ หรือการบริการ ก็เช่นกัน

หากสินค้าดี แต่บริการแย่ ก็จบเห่ได้ง่ายๆครับ และยิ่งช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ดีกว่าเจ้าอื่นด้วย จะทำให้เกิดการบอกต่อ ส่งผลดีต่อธุรกิจคุณ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ให้มากนะครับ แม้จะดูจับต้องยาก แต่ลูกค้าสัมผัสได้เสมอครับ

4.สร้างกลุ่มสังคมให้ลูกค้า

แทนที่จะเอาแต่ขาย หากคุณกลายเป็นคนกลางในการสร้างสังคม ที่ให้ลูกค้าที่มีความสนใจสินค้าคล้าย ๆ กัน

มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น นำเสนอให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ ในการใช้สินค้า มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกลุ่มทางเฟซบุ๊ค หรือไลน์

นอกจากจะสร้างความแตกต่างแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและไว้วางใจ และเกิดการสั่งซื้อเกิดยอดขายตามมาอีกด้วยครับ

5.ดึงตัวตนออกมาใช้ในแบรนด์

ไม่มีอะไรแตกต่างไปกว่า การดึงตัวตนของตัวเองออกมาใช้กับแบรนด์แล้วครับ เพราะตัวคุณนั้น มีเพียงคนเดียวในโลก ไม่มีใครเหมือน การดึงตัวตนคุณมาใช้ในแบรนด์ ย่อมไม่มีใครเลียนแบบได้แน่นอน เช่น ถ้าคุณเคยเป็นเจ้าหน้าที่ไอที และชอบเลี้ยงแมว แล้วมาทำธุรกิจขายอาหารออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ของคุณ  อาจตกแต่งด้วยรูปแมวน่ารัก กล่องแพคเกจจิ้งอาหาร ก็อาจเป็น Collection แมวเหมียว พร้อมมีเทคนิคเด็ดๆ เกี่ยวกับไอที แถมให้กับข้าวกล่อง

คุณอาจคิดว่ามันดูตลก ดูไม่เข้ากัน แต่ลองทำดูสิครับ เอาเอกลักษณ์ของคุณออกมาสิ แล้วคุณจะไม่เสียใจเลยที่ลองทำ

โดยสรุป ช่วงนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนับแต่มีอินเตอร์เน็ตเข้ามา การปรับตัวของแม่ค้าออนไลน์ในตลาดก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตาม อาศัยการวิเคราะห์การตลาดอยู่เสมอ เพื่อทราบความต้องการของลูกค้า และสนองตอบความต้องการ ให้ตรงจุดตรงใจด้วยการทำการตลาดที่เหมาะสม

รับรองว่าแตกต่างและรุ่งไปตลอดปี 2017 แน่นอนครับ

——————————————————–

บริการพัฒนา Content Marketing สำหรับ SMEs