ก่อนที่จะคุยกันเรื่อง Content Marking ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้อ่านกันก่อนนะครับ เป็นเรื่องของรายการวิทยุชื่อรายการว่า “คุยได้ คุยดี” ของ อ.วีระ ธีรภัทร ทางคลื่นความคิด FM 96.5   น่าจะมีเพื่อน ๆ หลายคนเป็นแฟนคลับติดตามรายการวิทยุนี้ช่วงเวลา 14.00 -16.00 น.

ผมชอบรายการนี้ก็เพราะว่ามันมีความสนุก และได้ความรู้ แถมได้ฟังมุมมองประเด็นต่าง ๆ จาก อ.วีระ รวมถึงผู้ฟังทางบ้านที่โทรเข้ามาคุย มาบอกมาเล่า บางคนก็โทรเข้าไปไม่ได้มีเรื่องอะไรแค่บอกว่า เป็นแฟนพันธุ์แท้ติดตามอาจารย์มาหลายปีแล้ว แค่นั้นเอง (ส่วนผมนี่ยังไม่กล้าที่จะยกหูโทรเข้ารายการ 555)

เรื่องที่คุยในแต่ละวันไม่ได้ซ้ำกันครับ บางวันก็เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ การลงทุน สัพเพเหระ และก็มีบางจังหวะที่ อ.วีระ ชวนผู้ฟังไปเที่ยวต่างประเทศตามทริปที่ อ.วีระ เป็นผู้ช่วยวางแผนในการจัดตารางและสถานที่ท่องเที่ยว

ขอบคุณรูปจาก thinkingradio.net

ผู้ฟังก็มีหลากหลายครับ ตั้งแต่เด็กยันคนสูงวัย หลากอาชีพ คนขับแท็กซี่ พนักงานบริษัท เจ้าของกิจการ วิศวกร แพทย์ รับจ้างทั่วไป ฯ

ความมันมักจะอยู่ที่ อาจารย์เปิดประเด็นแล้วให้คนโทรเข้ามาคุยความเห็นประเด็นเหล่านั้นครับ ซึ่งแน่นอนว่า มีทั้งคนที่มีความเห็นที่คล้อยตามในประเด็น บางคนก็เห็นแย้งไปแบบสุดลิ่ม ยิ่งเป็นเรื่องประเด็นการเมืองแล้วละก็มันส์หยดติ๋งเลยทีเดียว แต่…อ.วีระ คุมเกมในการระบายอารมณ์ของผู้ฟังที่โทรเข้ามานั้นได้อยู่หมัด ใครพูดไม่ฟัง อาจารย์ก็จะพูดแทรกว่า…ฟัง ฟัง ฟัง ฟัง ฟัง ฯ ถ้าคนโทรมาไม่ฟังก็มีการ กดลงชักโครก 55 ตัดสายทิ้งกันเลยทีเดียว

ได้ประโยชน์ทุกครั้งในการฟังรายการนี้ครับ เรียกว่า คุ้มค่า คุ้มเวลา 2 ชั่วโมงที่นั่งฟัง เพราะเป็นรายการวิทยุที่ไม่จืดชืดที่ DJ หรือผู้ดำเนินรายการพูดอยู่ฝ่ายเดียว และ ตัวเนื้อหาข้อมูลในแต่ละวันก็ไม่ได้ซ้ำ มีการสร้างส่วนร่วมที่สนุกมากครับ ถ้าใครยังไม่มีโอกาสฟังรายการนี้ ลองหมุนคลื่นวิทยุ หรือ กดหน้าจอเลื่อนมาฟังคลื่น 96.5 ดูครับช่วงเวลาที่ผมบอกไปขั้นต้น แล้วท่านจะได้อะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนที่ผมได้ แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ผมฟังด้วยนะครับ

กลับเข้ามาเรื่องของ Content Marketing ดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าผมพาออกทะเล ไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่ท่านเปิดเข้ามาอ่าน ในความเป็นจริงแล้วคำว่า Content Marketing มันอาจจะเป็นคำใหม่ ๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเรื่องนี้มันมีมานานนมแล้วครับ

รายการของ อ.วีระ เป็นตัวอย่างของการทำ Content Marketing ที่เป็นแบบดั้งเดิมแต่ได้ผลมากมาย ผมจะชำแหละให้เพื่อนๆ เห็นก่อนว่าองค์ประกอบการทำ Content Marketing นั้นมันมีอะไรบ้าง และจะเทียบเคียงกับรายการวิทยุให้ท่านเห็นว่า ความจริงแล้ว…มันเรื่องเดียวกันครับ

ทำ Content Marketing ต้องเริ่มที่เข้าใจ รูปแบบการ “สื่อสารแบบความเป็นมนุษย์” แล้วมันประกอบด้วยอะไรบ้างหละรูปแบบของการสื่อสาร พูดคุย

1.แหล่งข้อมูลหรือต้นตอของ Content คือ ใคร ?

อย่างที่ผมพูดถึงรายการของ อ.วีระ แหล่งของข้อมูลก็คือ ตัวอาจารย์เอง ที่เป็นผู้ดำเนินการ นี่คือ  “ผู้ส่งสาร” หรือ “ผู้ส่งข้อมูล” ออกไป ก็ต้องกลับมาดูในธุรกิจของเรานะครับ ว่า “ต้นตอ” ของข้อมูลที่จะสื่อออกไปคืออะไรนะครับ

การที่เราเป็นต้นเหตุของข้อมูลไม่ว่าในด้านใดก็แล้วแต่นะครับ เราไม่จำเป็นต้องพรั่งพรูไปเสียทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเหมือน “คนบ้า” ที่นั่งพูดคนเดียว คงจะพอเห็นภาพกันนะครับ

2.ส่งให้ใคร ใครคือผู้รับสาร ?

ประเด็นนี้สำคัญมากมายเลยทีเดียว เราต้องรู้ว่าเราพูดกับใครฟัง เขียนบทความให้ใครอ่าน ทำคลิปให้ใครดู ตัวอย่างรายการของ อ.วีระ ผู้ฟังก็จะมีกลุ่มที่หลากหลาย ตามสไตล์ แต่ส่วนของที่เป็นธุรกิจของเราก็ต้องมาดูก่อนดีไหมว่าเรากำลังคุยอยู่กับใคร อย่างเว็บ Taokaemai.com กลุ่มผู้อ่านโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการหาธุรกิจมาทำเพิ่มรายได้ เจ้าของกิจการที่เพิ่งเริ่มและต้องการเติบโตในธุรกิจ เมื่อเราทราบว่าคนฟังเป็นใครเราก็สามารถพูดไปในสิ่งที่เขาต้องการได้

เนื้อหาเดียวกันพูดให้คนฟังต่างกันด้วยภาษาแบบเดียวกัน จะได้ผลลัพธ์ต่างกันมากมายเลยครับ ยกตัวอย่างอีกสักเรื่องเช่นให้ อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยมาสอนเรื่องพื้นฐานการทำการตลาดให้เด็กอนุบาลฟังโดยใช้สไลด์เดียวกับที่สอนเด็กมหาลัยได้ไหม ? น่าคิดนะครับ เพื่อน ๆ คิดว่ามันจะได้ไหม แล้วผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกันไหมหละครับ

3.ข้อมูล ข่าวสาร คืออะไร ? การนำเสนอข่าวสารเป็นอย่างไร ?

ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้เรื่องของที่เราต้องรู้ว่าเรากำลังคุยอยู่กับใคร ส่งข้อมูลให้ใครฟัง อ่าน ดู…. นะครับ ตัวเนื้อหาที่เราจะส่งไปให้คนอ่านนั้นเป็นจุด “เอาชนะ” ในการแข่งขันในปัจจุบัน ใครเล่าเรื่องได้น่าสนใจกว่า ใครทำประเด็นได้น่าสนใจกว่า น่าติดตามกว่าคนนั้นชนะ

เพื่อน ๆ ควรจะทำความเข้าใจครับว่า “ข้อมูล หรือ Content” นั้นมีความแต่ต่างกับการ “นำเสนอ หรือ Storytelling” ครับ

ผมอยากแนะนำด้วยหัวใจครับว่า ลองฟังรายการของอาจารย์วีระ ช่วงที่อาจารย์ชวนผู้ฟังไปเที่ยวต่างประเทศเสียจริง ๆ ครับ เพราะถ้าหากเราพูดถึงเรื่องของ “ข้อมูล” ละก็เวลากว่า 5-10 นาทีที่เราฟังนั้นคือ “การขายทัวร์” ดี ๆ นี่เองครับ แต่ความต่างคือ “การเล่าเรื่อง” ที่อาจารย์วีระ แทบไม่ได้ขายเหมือนกับการขายทริปทัวร์ทั่วไป สิ่งที่อาจารย์ทำคือการสร้าง Content Marketing แบบธรรมชาติ เหมือนการที่เพื่อนนั่งคุยกันประมาณว่า

“เฮ่ย !! เดือน ม.ค กูว่าจะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ชวนลูกเมียไปเที่ยว จะไปดูดอกซากูระ สูดอากาศหนาว ไปแช่ออนเซนต์ให้สบายใจสักหน่อย กูจะไปกันสัก 2 สัปดาห์ นี่ถ้ามึงอยากไปด้วยก็ชวนลูกเมียมึงไปเที่ยวด้วยกันกับกู จะได้สนุกกัน นานแล้วหวะที่ไม่ได้ไปสนุกด้วยกัน มึงลองเช็คตารางมึงดูนะ ถ้าเมียมึงอนุญาต 555 เดี๋ยวกูช่วยดูเรื่องการเดินทางที่พักให้ไปกันหลาย ๆ คนน่าจะอบอุ่น“

“ข้อมูล” กับการ “นำเสนอข้อมูล” มันคนละเรื่องจริง ๆ นะครับ ผมมีตัวอย่างอีกเรื่องอยากยกมาให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจตรงจุดนี้

ถ้าพูดถึงรายการที่มีการแข่งขันประกวดร้องเพลง เพื่อน ๆ คิดถึงรายการอะไรครับ ถ้าย้อนไปสิบกว่าปีก็อาจจะคิดถึงรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาวซึ่งเป็นรายการกึ่งเรียลริตี้หรือความสมจริงสมจัง หลังจากนั้นก็มีรายการประเภทเดียวกันผุดขึ้นมาอีกมากมาย จนรายการแข่งขั้นร้องเพลงมีกันเต็มไปหมดกลายเป็นรายการที่จืดชืดกันไปหมด

ขอบคุณรูปภาพจาก themasksinger.com

The Mask Single ทางช่อง Workpoint ตีโจทย์การเล่าเรื่องของ “ข้อมูล” ใหม่ จากรายการ “ประกวดร้องเพลง” ที่แข่งขันกันทุกช่องจนหากระแสไม่ได้ มาเป็นการสร้าง Storytelling ในมุมที่สร้าง “จุดสนใจ” และให้คนติดตาม ๆๆ ไปเรื่อยว่าไอ้นักร้องที่มันซ่อนหน้าตาไว้หลังหน้ากากเหล่านั้นเป็นใคร

จากการเปลี่ยน “เรื่องเล่า” ทำให้เกิดกระแสที่พูดกันสนั่นเมือง สนั่นโซเชียล คนดูคนติดตามกันเป็นแสนเป็นล้าน ยอดวิวแต่ละคลิปเป็นร้อยล้านวิว โดยที่เนื้อแท้ของรายการนี้ก็ยังเป็น “ข้อมูลเดิม” คือ “การแข่งขันร้องเพลง”

แล้วเรื่องเล่าในธุรกิจหรือสินค้าของพวกเราหละครับ !!! ยังคงใช้แพทเทิร์น หรือ รูปแบบเดิม ๆ ที่มันเต็มตลาดเหมือนรายการร้องเพลงทั่วไปหรือเปล่า เพราะหากเรายังทำอย่างนั้นมันก็เหมือนกับ “Content” ที่มันเอาท์ไปแล้วหละครับ แม้มันจะมีประโยชน์แต่ทำให้คนสนใจไม่ได้ มันก็กลายเป็น “ขยะ” หรือ ของเก่าเก็บครับ

ถ้าวันที่ The Mask Single เริ่มออนแอร์ วันแรกแล้วนักร้องทุกคนที่มาร่วมรายการ ไม่ใส่หน้ากากอะไรเลย ป่านนี้รายการนี้คง “ดับ” ไปแล้วเพื่อน ๆ คิดเหมือนกับผมไหมหละ !!

“คดีคนโดนฆ่าตาย” เป็นอีกเรื่องที่ผมชอบครับไม่ใช่ผมเป็นประเภทพวกซาดิสอะไรนะครับ แต่ผมกำลังจะยกเรื่องการ์ตูนโคนัน มาเล่าให้ฟังเป็นเคสอีกเรื่องในการที่สร้างความแตกต่างในการ “เล่าเรื่อง” ในการที่จะพยายามลาก “จินตนาการ” ของเราให้เข้าไปในการ์ตูน คอยคิดตามว่าใครเป็นฆาตกร แล้วเขาใช้วิธีไหนในการฆ่าไปพร้อม ๆ กับเจ้าหนูโคนัน

หลายคนๆ คิดไม่ถึงว่าฆาตกรเป็นใคร วิธีการเป็นอย่างไร เหมือนที่ผมเป็นนั่นหละครับ อ่านไปก็เดาไม่ถูกว่าใครฆ่าถ้าจะให้ผมเป็นนักสืบคงทำไม่ได้ 555

พอตอนจบจับตอนจบจับฆาตกรได้ โคนัน มาเฉลยวิธีการตอนนั้นหละครับ ผมเพิ่งจะถึงบางอ้อ ว่ามันทำกันอย่างนี้นี่เอง

The Mask Single และ โคนัน มีความเหมือนกันอยู่ 1 อย่างคือ “สร้างความสงสัย” เพื่อทำให้คนเริ่ม “ค้นหา” ใครกันเสียงดีที่อยู่หลังหน้ากาก ใครกันเป็นฆาตกร…ทำให้ผู้ชม ผู้อ่านชวนติดตาม

แล้วธุรกิจของเรามีอะไรที่สร้างจะน่า “สงสัย” ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเราติดตามบ้างแล้วหรือยังครับ เทคนิคการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับตัวอย่างที่ผมว่ามาคือ “การสร้างการมีส่วนร่วม” ของผู้ชม ผู้อ่าน ให้เขามีความรู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นจริง ๆ

นี่คือ “ความลับ” ที่ไม่ลับ ซึ่ง SMEs อย่างเรา ๆ สามารถนำเทคนิคเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจเราได้เช่นกันครับ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพียงแต่ลงทุนความคิดให้มากๆ หน่อยเท่านั้นเอง

 

4.เครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสาร

มเล่าเรื่อง “ข้อมูล” และ “การนำเสนอ” ไปมากหน่อยครับเพราะผมว่าส่วนนั้นคือ “กุญแจ” สำคัญในการทำการตลาดแบบ Content Marketing ครับ

แต่ส่วนของเครื่องมือก็มีความสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ เหตุเพราะพวกเราให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก….555

สำหรับความเห็นผม เครื่องมือที่ใช้มันเป็นเพียงกระดาษเปล่า 1 ใบครับที่เราจะใส่ “เนื้อหา” ลงไปในนั้น แน่นอนหละกระดาษสีฟ้า (Facebook) อาจจะเป็นที่น่าสนใจเพราะคนใช้กันเยอะ แต่ถ้า “เนื้อหา” ไม่น่าสนใจ ไม่น่าติดตาม คนหยิบไปอ่านแล้วก็ทิ้งมันก็ไม่มีความหมายใช่ไหมครับ

กระดาษหลากสี แดง เขียว เหลือง น้ำเงิน (Google) ก็อีกเช่นกัน เราอาจจะทำให้คนค้นหา “ข้อมูล” ของเราเจอในอันดับต้น ๆ แต่พอคนกดเข้ามาดูแล้วพบว่ามันก็เรื่องเดิม ๆ ที่เขารู้แล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจ ถ้าว่าเราจะสนใจไหม คำตอบคือไม่อีกเช่นกันนั่นหละครับ

ทำไม รายการวิทยุของ อ.วีระ ยังได้รับความนิยม ทั้งที่ใคร ๆ อาจจะบอกว่าวิทยุมันเอาท์หรืออนอกกระแสไปแล้ว !!!

คำตอบทุกคนน่าจะมีอยู่ในใจนะครับ ว่ามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราใช้เครื่องมืออะไร แต่อยู่ที่ว่า “เนื้อหา” เรามีความน่าสนใจขนาดไหนต่างหาก

5.รูปแบบของข้อมูลที่ใช้ส่งให้กับผู้รับข้อมูล

ผมคงจะไม่มานั่งบอกนั่งเล่านะครับว่า รูปแบบของข้อมูลนี้ต้องเป็นแบบ ข้อความ รูปภาพธรรมดา ,infographic  หรือจะทำเป็นคลิป ข้อมูลเหล่านี้มีอยู่เกลื่อนอินเตอร์เน็ตที่เราหาได้แน่นอนครับ เพราะรูปของข้อมูลก็มีอยู่แค่นี้

เพียงแต่ว่าเราเลือกใช้ให้พอเหมาะกับจังหวะและช่วงเวลาเท่านั้นพอครับ ผมมีตัวอย่างพี่ท่านหนึ่งที่มีโอกาสเข้ามรเรียนเขียน Content กับผมแกเป็น  Youtuber เริ่มจากการที่อยากมีเวลากับลูกสร้างด้วยความสนุก ผ่านไป 3 ปีมีคนติดตามกว่า 2 แสนคนมียอดวิวกว่า 70 ล้านวิว ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าตรงนี้จะสร้างรายได้ให้เท่าไหร่ เพียงแต่ว่าเมื่อวันหนึ่งพี่มดเห็นว่าได้เวลาที่จะขยายมุมมองเรื่องของ Content Marketing ก็ได้มาลงคอร์สเรียน และนำกลับไปพัฒนา Fanpage และ เว็บไซต์เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจต่อไป

ผมมีเรื่องเทียบเคียงกับรูปแบบของข้อมูลจะเล่าให้ฟัง ตอนเด็กๆ ที่บ้านผมเคยเลี้ยงวัวครับ (เล่นแรงไปไหมนี่) ทุกเช้าผมต้องจูงเจ้าวัวไปผูกไว้กับต้นไม้ หรือ ปักหลัก (เป็นเหล็กแหลมๆ ที่ปักลงไปในดินได้) ไว้ใกล้ ๆ กับป่าหญ้าใบอ่อน ๆ พอให้เจ้าวัวมันกินได้ เจ้าวัวมันก็กินหญ้าไปเรื่อย ๆ พอหมดในบริเวณที่เชือกล่ามวัวนั้นจะไปถึง แม้เจ้าวัวมันเห็นหญ้าที่อ่อนกว่าน่ากินกว่า แต่ระยะเชือกไม่ถึง เจ้าวัวมันก็ได้เพียงแต่ยืนมองและร้อง “มอร์ ๆๆ”

ตอนนี้ใครโดนปักหลักไว้บ้างไหมครับ !!! 555    ถ้าเรายังจำจดในรูปแบบว่าต้องใช้รูปแบบนั้น รูปแบบนี้ ผมว่ามันก็ไม่น่าต่างจาก……นะครับ

เล่ามาถึงย่อหน้าสุดท้ายของบทความนี้ คงได้เวลาที่ผมจะพูดถึง Content Marketing ในสไตล์ของเถ้าแก่ใหม่ที่ SMEs ควรนำไปประยุกต์ใช้ เล่ามาเสียยาวผมสรุปให้สั้น ๆ2 ข้อครับ

  1.อย่าพึ่ง “หลักการ” แต่ให้ใช้ “หลักใจ” ในการสื่อสารและสร้าง Content

                2.วกกลับขึ้นไปอ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นแล้วหาสไตล์ของแต่ละคนให้พบครับและลงมือทำครับ

 


หลักสูตร SME CONTENT SELF MADE การทำการตลาด CONTENT MARKETING สำหรับธุรกิจ SMES

เรียนรู้การทำ Content Marketing แบบจับมือทำ 7 วัน 7 workshopพร้อมระบบการติดตามการทำงาน 30 วัน เต็มๆ

รายเอียดหลักสูตร >>SMEs Content Self Madeการทำการตลาด Content Marketing สำหรับธุรกิจ SMEs